Tuesday, May 23, 2023
More

    ภาครัฐ เตรียมแผนรับมือการจราจร แก้ปัญหา และบรรเทารถติดในวันเปิดเทอม

    ตามที่ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2562 โรงเรียนในพื้นที่ กทม. จะเริ่มทยอยเปิดภาคเรียนที่ 1 อาจทำให้การจราจรติดขัดมากขึ้น โดยเฉพาะในเส้นทางที่มีโรงเรียนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ อาทิ โรงเรียนเซนคาเบรียล โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และโรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก

    กทม. จึงได้เตรียมพร้อมวางแผนการจราจรช่วงเปิดเทอม โดยนายจิรวัฒน์ แพงมา ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กทม. เปิดเผยว่า สำนักเทศกิจได้จัดทำแผนจัดการจราจรช่วงเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 โดยประสานให้สำนักงานเขตทั้ง 50 สำนักงานเขต จัดกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) อาสาจราจร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของโรงเรียนสังกัด กทม. โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และโรงเรียนเอกชน อำนวยความสะดวกด้านการจราจร ความปลอดภัยให้แก่เด็กนักเรียน ผู้ปกครองและประชาชนโดยทั่วไป บริเวณหน้าโรงเรียนในช่วง เวลาเร่งด่วนเช้า – เย็น ทุกโรงเรียนในพื้นที่ กทม.


    ขณะเดียวกัน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้กำหนดมาตรการรองรับการเดินทางช่วงเปิดภาคเรียน 2562 พร้อมอำนวยความสะดวกแก่นักเรียนและผู้ปกครอง ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม – 24 พฤษภาคม 2562 ดำเนินงานแบ่งตามพื้นที่ ดังนี้

    พื้นที่กรุงเทพมหานคร
    • ให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กำกับดูแลความเรียบร้อย ความปลอดภัยบริเวณหน้าโรงเรียนและจุดเชื่อมต่อการเดินทาง รวมทั้งกำกับดูแลรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์รับจ้าง โดยเฉพาะเส้นทางที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นที่ 1 ถนนสามเสน ราชวิถี นครราชสีมา เส้นที่ 2 ถนนอโศก เพลินจิต สุขุมวิท และเส้นที่ 3 ถนนสีสม สาทร เจริญกรุง รวมถึงบริเวณที่มีผู้โดยสารและการจราจรหนาแน่น เช่น ถนนบางนา ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สะพานกรุงธน ถนนพระราม 6 หน้าโรงเรียนสามเสน และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต เป็นต้น

    • ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เพิ่มปริมาณรถโดยสารสาธารณะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 10 หรือประมาณ 22,200 เที่ยวต่อวัน ในเส้นทางที่ผ่านสถานศึกษา พร้อมจัดผู้ตรวจการกำกับดูแลการให้บริการและความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะ ขสมก. และรถร่วมบริการ เช่น ต้องจอดรับผู้โดยสารอย่างเป็นระเบียบ ไม่กีดขวางการจราจร และดูแลความปลอดภัยของนักเรียนขณะขึ้น – ลงรถ

    • ให้ ขบ. ตรวจสภาพความพร้อมของรถโดยสารประจำทางและรถโรงเรียน โดยเฉพาะอุปกรณ์ความปลอดภัยประจำรถ และการปล่อยควันดำผ่านท่อไอเสีย

    • ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ดูแลความเรียบร้อย อำนวยความสะดวกในเส้นทางและสถานีที่ผ่านสถานศึกษา

    • ให้ รฟม. และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งคืนพื้นที่ก่อสร้างที่ไม่จำเป็นให้กับการจราจรโดยเร็ว รวมถึงให้ รฟม. รฟท. และผู้รับจ้างร่วมกันแก้ไขปัญหาในกรณีเกิดเหตุทำให้การจราจรติดขัดเป็นเวลานาน โดยกำชับทั้งสองหน่วยงานพิจารณาแนวทางการระบายน้ำในช่วงฤดูฝน ไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังเนื่องจากการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ในความรับผิดชอบ

    • ให้กรมเจ้าท่า (จท.) กำกับดูแลความแออัดและความปลอดภัยบริเวณท่าเรือข้ามฟากและเรือด่วน ในบริเวณที่เด็กนักเรียนโดยสารทางเรือเพื่อเชื่อมต่อกับรถโดยสารประจำทาง ซึ่งขณะนี้ จท. ได้ประสานผู้ประกอบการเรือโดยสารเพิ่มเที่ยวเรืออีกวันละ 1 – 2 เที่ยว ในจุดที่มีเด็กนักเรียนใช้บริการจำนวนมาก รวมทั้งกำชับพนักงานประจำท่าเรือดูแลความปลอดภัยเป็นพิเศษ

    • ให้กรมทางหลวง (ทล.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ร่วมกับตำรวจทางหลวง กำกับการจราจรบนทางพิเศษและทางพิเศษระหว่างเมืองในเส้นทางหลักเข้าสู่กรุงเทพฯ โดยจัดเจ้าหน้าที่ดูแลการจราจรบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางไม่ให้มีการจราจรแออัด

    • ให้บริษัท ขนส่ง จำกัด รฟท. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด มหาชน และกรมท่าอากาศยาน อำนวยความสะดวกแก่นักเรียนที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยแนะนำเส้นทางในกรณีที่เข้ากรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก

    พื้นที่ต่างจังหวัด
    • ให้สำนักงานขนส่งจังหวัดเข้มงวดรถโรงเรียนและรถรับจ้างเอกชนทุกประเภทต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวง กฎจราจรอย่างเข้มงวด โดยห้ามบรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ตัวรถมีความพร้อมและมีอุปกรณ์ความปลอดภัยประจำรถ ต้องไม่มีนักเรียนโหนหรือขึ้นไปหลังคารถอย่างเด็ดขาด

    • ให้ ทล. กรมทางหลวงชนบท (ทช.) และสำนักงานขนส่งจังหวัด ร่วมกับตำรวจท้องที่และครูอำนวยความสะดวกและปลอดภัยหน้าโรงเรียน บนถนนในความรับผิดชอบของ ทล. และ ทช. เน้นโรงเรียนขนาดใหญ่และขนาดกลางที่มีการจราจรหน้าโรงเรียนหนาแน่น โดยให้หมวดการทางเป็นผู้เลือกโรงเรียนที่จะเข้าปฏิบัติงานเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ในช่วงเช้า เวลา 07.00 น. – 08.00 น. และช่วงเย็น เวลา 15.00 – 16.00 น.

    • ให้ ทล. และ ทช. ปรับปรุงอุปกรณ์ความปลอดภัยหน้าโรงเรียนให้แล้วเสร็จ เช่น ทางม้าลาย ไฟสัญญาณจราจร ป้านเตือนเขตโรงเรียน ทางเดินทาง และสะพานลอยคนข้าม โดยกำหนดให้ดำเนินการต่อเนื่องอย่างน้อยจังหวัดละ 5 โรงเรียน เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของนักเรียน รวมทั้งในอนาคตจะพิจารณาติดตั้งเสียงสัญญาณเตือนควบคู่กับทางม้าลายและสัญญาณไฟจราจร