เรื่องและภาพ : สำนักข่าวซินหัวไทย
“ฉันคิดว่าร้านหนังสือควรเป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรมอันมีชีวิตชีวา” หลี่ซูหว่าน เจ้าของร้านหนังสือหม่าจื้อเหรินในเมืองปักกิ่ง
สิ่งสำคัญที่สุดของร้านหนังสือในสายตาหลี่ซูหว่าน
โดยความปรารถนาของเธอ คือการเห็นผู้คนใช้เวลาอยู่ในร้านหนังสือ ไม่ใช่เร่งรีบออกไปทันทีหลังจากซื้อสินค้าเสร็จ
ซึ่งการเปิดร้านหนังสือของตัวเอง เป็นหนึ่งในความฝันของหลี่ซูหว่าน หญิงสาวชาวจีนผู้รักการอ่าน ที่ได้ลงมือเปลี่ยนความฝันให้กลายเป็นจริง เมื่อปี 2018 และเริ่มต้นอาชีพเจ้าของร้านหนังสือ ใจกลางเมืองปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีน ด้วยวัย 36 ปี
บรรยากาศกิจกรรมทางวัฒนธรรม ภายในร้านหนังสือหม่าจื้อเหริน
ภาพหลี่ซูหว่าน จัดวางเก้าอี้ 40 ตัว และโต๊ะทรงสี่เหลี่ยมภายในหม่าจื้อเหริน ร้านหนังสือขนาด 200 ตารางเมตร เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการอ่านหนังสือ และใช้งานคอมพิวเตอร์
พร้อมตั้งโคมไฟราคาแพงกว่างบประมาณที่ตั้งไว้ถึงสองเท่า เพราะมันมอบแสงที่นุ่มนวลมากกว่าไว้ด้วย นับเป็นเครื่องยืนยันความรักในการทำร้านหนังสือของเธอได้เป็นอย่างดี
“การซื้อหนังสือไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดที่หม่าจื้อเหริน แต่เป็นการอ่าน และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอันน่าสนใจ” หลี่ซูหว่าน
การปรับตัวเพื่อความฝันในการทำร้านหนังสือของคนตัวเล็ก
ทว่าธุรกิจร้านหนังสือของหลี่ซูหว่าน ดูจะเป็นได้เพียงสิ่งเพ้อฝันในคราแรก เพราะร้านของเธอ ตั้งอยู่บนถนนวงแหวนรอบที่ 2 ทางตะวันออกของตัวเมืองปักกิ่ง ทำให้ต้องแบกค่าเช่าแพงหูฉี่ รายได้ของเธอแทบไม่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่าย
หลี่ซูหว่าน จึงตัดสินใจจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่หม่าจื้อเหริน มากกว่า 270 รายการ ตลอดไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมถึงการแสดง การฉายภาพยนตร์ และงานสัมนาหนังสือ โดยรายได้เหล่านี้เอง ที่ช่วยพยุงให้หม่าจื้อเหริน สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
บรรยากาศกิจกรรมทางวัฒนธรรม ภายในร้านหนังสือหม่าจื้อเหริน
หลังร้านหนังสือแบบมีหน้าร้านหลายแห่งในย่านใจกลางเมือง มักเผชิญสารพัดความท้าทาย ทั้งจากค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว และคู่แข่งร้านหนังสือออนไลน์ที่กำลังเฟื่องฟู ทำให้เหลือร้านหนังสือแบบมีหน้าร้านเพียงไม่กี่แห่ง ที่สามารถเปิดบริการบริเวณใจกลางเมืองได้
การซัพพอร์ตพื้นที่ทางวัฒนธรรมของเมืองปักกิ่ง
เซว์หงเฟิง รองผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขตตงเฉิงของปักกิ่ง กล่าวว่า ตงเฉิง ออกหลายนโยบายเมื่อไม่นานนี้ อาทิ การปรับปรุงประสิทธิภาพการบริการ และความช่วยเหลือทางการเงิน
เพื่อสนับสนุนร้านหนังสือแบบมีหน้าร้าน และบรรเทาปัญหาที่พวกเขาต้องเผชิญ อีกทั้งส่งเสริมให้ผู้เป็นเจ้าของพื้นที่ว่าง อาทิ โรงงานเก่า หันมาเปิดร้านหนังสือด้วย
ร้านหนังสือในเมืองปักกิ่ง ที่ออกแบบการใช้งานมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้พิการ
ขณะเดียวกัน ร้านหนังสือที่มีบทบาททางสังคมเชิงบวก สร้างอิทธิพลทางวัฒนธรรมอันดี และได้รับความพึงพอใจจากลูกค้า มีโอกาสคว้าเงินรางวัล มูลค่าสูงถึง 1 ล้านหยวน (ประมาณ 5 ล้านบาท) จากทางการ โดยนโยบายดังกล่าว ได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มเจ้าของร้านหนังสือ
“เราดีใจที่รู้ว่านโยบายใหม่ ไม่เพียงมอบเงินอุดหนุนค่าเช่า แต่ยังจัดสรรสถานที่ที่ดีขึ้นสำหรับร้านหนังสือด้วย ขั้นตอนการจัดกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมของร้านหนังสือจะคล่องตัวขึ้นในไม่ช้า ซึ่งหมายความว่าเราจะสามารถทุ่มเทเวลากับการวางแผนสร้างสรรค์ และการบริการที่ดีขึ้นได้” หลี่ซูหว่านกล่าวทิ้งท้าย
