Friday, December 9, 2022
More

    พลังจิตเปรียบดั่งตึก 100 ชั้น

    หลังเทศกาลสงกรานต์ หรือปีใหม่ไทยวันที่ 12-16 เมษายนที่ผ่านมาผ่านพ้นไป วิถีชีวิตของผู้คนต่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

    หลายชีวิตยังคงต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอด หวังความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ที่ยังต้องดิ้นรน หรือเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ จากการรุกคืบเข้ามาของโลกดิิจิทัล และ AI : Artificial Intelligence ก็มีเยอะ


    ขณะวิกฤตการเมืองก็ยังคงไร้ทางออก แม้จะผ่านพ้นการเลือกตั้งไปกว่าขวบเดือน แต่ดูเหมือนบทสรุปของการเลือกตั้งประเทศไทยจนป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่า ตกลงแล้วพรรค การเมืองใดควรจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลกันแน่

    พรรคที่ประกาศ ชัยชนะเลือกตั้ง ยังไม่รู้ตัวเองจะฟอร์มทีมจัดต้้งรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากอย่างมีเสถียรภาพ ไม่ “ตกม้าตาย” ตั้งแต่ยกแรกของการแถลงนโยบายรัฐบาลได้ยังไง

    สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ส่งผลต่ออารมณ์และจิตใจของผู้คนให้ฟุ้งซ่านพลอยทำให้เกิดทุกข์หรือเป็นทุกข์ พลอยกังวลไปหมด ยิ่งใครที่ “อิน” กับการเมืองมากก็ยิ่งคิดฟุ้งซ่านหนัก

    จุดกำเนิดของสถาบันพลังจิตตานุภาพที่ พระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) จัดตั้งขึ้นมานั้นก็เพื่อขจัดอารมณ์ที่ฟุ้งซ่านของผู้คน ด้วยการทำสมาธิอย่างมีครูบาอาจารย์ มีหลักการขั้นตอนและครูพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำเพื่อเดินไปสู่เป้าหมายดังกล่าวได้อย่างตรงจุด

    ปี 2540 นั้นประเทศไทยก็เผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ จากการถูกโจมตีค่าเงินไม่ต่างจากเวลานี้ และอาจจะมากกว่านี้หลายร้อยเท่าจนเกิด “วิกฤตต้มยำกุ้ง” ที่ทำให้สถาบันการเงินน้อย-ใหญ่ล่มสลาย กิจการห้างร้านและธุรกิจที่มีการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศเข้ามาขยายกิจการในช่วงก่อนหน้าต่างพากันประสบวิกฤตค่าเงินจนไม่อยู่ในสถานะจะชดใช้หนี้คืนได้ ธุรกิจต้องล้มหายตายจาก ผู้คนตกงานกันเป็นเบือนับล้านคนหรือหลายล้านคน แต่เราก็ผ่านพ้นจุดนั้นกันมาได้

    หลังวิกฤตในครั้งนั้น ผู้คนเริ่มรู้จักกับคำว่าหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และทาง “ทางสายกลาง” ที่ต้องรู้จักกับความพอดี ไม่ตึงหรือหย่อนยานจนเกินไป

    เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่หลวงพ่อวิริยังค์สิรินฺธโร ประธานผู้ก่อตั้งสถาบันพลังจิตตานุภาพ ได้เริ่มเปิดหลักสูตรครูสมาธินี้ขึ้นมา เป็นหนทางในการสร้างสันติสุข ดึงผู้คนให้รู้จักกับการหลักสูตรการทำสมาธิสุดไฮเทค เจริญสมาธิเพื่อสะสมพลังจิต ที่มีทั้งครูบาอาจารย์ทำการสอน มีตำรา และครูพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำ

    ทั้งนี้ พระธรรมมงคลญาณ ได้ย้อนที่มาของการตั้งหลักสูตรครูสมาธิ และจัดตั้งสถาบันพลังจิตตานุภาพนี้ในหนังสือ คำสอนของหลวงพ่อ หน้า 74 ว่า

    “ทำให้มีความมั่นคงถาวร ฉันใดก็ดี ในขณะนี้ต่างก็พากันเห็นแล้วว่า ความวุ่นวายของโลกมันก็มีอยู่ตามปกติ แต่ว่าถ้าหากเราทำจิตของเราไม่ให้มันวุ่นวายแล้ว มันก็จะเพิ่มพลังนี้ขึ้นมา”

    ทั้งนี้ พระพุทธเจ้าได้สำเร็จ (ได้ตรัสรู้) เพราะสมถะและวิปัสสนา จึงมีในมรรค 8 ที่พระองค์แสดงว่า เป็นหนทางกลาง ไม่ตึงเกินไป และก็ไม่หย่อนไป ก็คือสัมมาสมาธิ

    สัมมาสมาธินั้นคือ สมาธิที่เรียกว่าพอดี ไม่ใช่ตึงเกินไป ไม่ใช่หย่อนเกินไป พอดีนั้นเมื่อพอดีแล้ว ก็จับหลักได้ว่า เราจะต้องมา ทำที่ใจของเรานี่ เมื่อเวลาที่ยังไม่ได้ทำสมาธิ จิตใจฟุ้งซ่าน อันนั้นยังไม่ถือว่าได้กำลังจิต ได้สมาธิ

    ต่อเมื่อมาทำสมาธิ กำจัดอารมณ์ที่ฟุ้งซ่าน อ่อนไหวได้ ให้เหลือจิตเป็นหนึ่ง คำว่าจิตเป็นหนึ่งนั้น เขาเรียกว่าเป็นจิตรวม เมื่อจิตรวมเป็นหนึ่งแล้ว ก็สามารถผลิตพลังจิตได้ พลังจิตนี้ จะเป็นทั้งบุญ ทั้งวาสนา ทั้งบารมี

    “พลังจิตที่เราพากันทำอยู่ทุกวันนี้ ที่เราเปิดสาขาสมาธิให้พากันปฏิบัติอยู่ทุกวันนี้ เราเน้นหนักในการสร้างพื้นฐานการทำสมาธิ ก็เท่ากับว่าได้ยกตึกร้อยชั้นหรือมากกว่านั้น เพราะหากพื้นฐานไม่ดีชั้นเดียวก็จมแล้ว จึงต้องมีฐานที่มีความมั่นคง เมื่อมีฐานมั่นคงแล้ว จะยกตึกสูงสักเท่าไหร่ก็ได้”

    พลังจิต ที่เราพากันทำอยู่ทุกวันนี้ก็เปรียบเหมือนกับฐานเสาเข็ม ที่จะปักลงเพื่อรับน้ำหนัก  เมื่อบุคคลที่มีศรัทธา ที่จะทำสมาธิ เราก็จัดทำง่ายๆ ไม่ยาก เด็กก็ทำได้ ผู้ใหญ่ก็ทำดี ต่างก็พากันมาทำสมาธิ เกิดผลประโยชน์ขึ้น เมื่อสมาธิรากฐานดีแล้ว การที่จะสร้างตึกรามบ้านเรือนต่างๆ ก็ไม่ทรุด