Friday, December 8, 2023
More

    ชวนทำ 5 เมนูทั้งน่าทำและน่าทาน ปลุกสกิลความเป็นเชฟช่วงหยุดยาว

    ชวนทำ 5 เมนูทั้งน่าทำและน่าทาน ปลุกสกิลความเป็นเชฟช่วงหยุดยาวนี้กัน !


    กะเพราเต้าหู้ไข่อาหารสิ้นคิดที่อร่อยกว่าที่คิด

    จานเด็ดที่สายรักเต้าหู้ทุกคนน่าจะลิ้มรสกันมาแล้วแน่นอน เพราะรสชาติของใบกะเพราวัตถุดิบสามัญประจำบ้านเราที่เข้ากับอะไรก็อร่อยนั้น ทำให้เชื่อว่าพอมาเข้ากับเต้าหู้นั้นก็ต้องเข้ากันแน่นอน

    ส่วนประกอบมาตรฐานสำหรับ 1 จาน

    เต้าหู้ไข่ หมูสับ พริกขึ้หนู ใบกะเพราะ กระเทียม น้ำมันพืช น้ำตาลทราย อร่อยชัวร์ ซอสหอยนางรม และน้ำเปล่า

    วิธีทำ

    1. ตั้งกระทะไฟอ่อนตามด้วยน้ำมันพืช นำเต้าหู้ไข่ลงไปทอดจนเหลืองสุกน่ารับประทาน
    2. ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
    3. ตามด้วยหมูสับ ผัดจนหมูเริ่มสุก ก่อนปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ซอสหอยนางรม และอร่อยชัวร์ (ในส่วนนี้สามารถปรุงรสได้ตามที่เราชอบเลย)
    4. นำเต้าหู้ไข่ที่ทอดไว้ และใบกะเพราลงไปผัด
    5. ตักขึ้นพร้อมรับประทาน

    ซุปเต้าหู้อ่อนกิมจิ กินตามรอยซีรีย์ Itaewon Class

    ติดกันทั่วบ้านทั่วเมืองกับ Itaewon Class ซีรีย์เกาหลีที่กำลังเป็นกระแสสุด ๆ ในตอนนี้ โดยอาหารอย่างหนึ่งที่ได้อานิสงส์ความนิยมพุ่งขึ้นจากการไปปรากฎอยู่ในเรื่องคือ ซุปเต้าหู้อ่อนกิมจิ นั่นเอง จนเชื่อว่าตอนนี้น่าจะเป็นหนึ่งในเมนูที่หลายคนลองทำกันให้ควัก

    ส่วนประกอบมาตรฐานสำหรับ 1 จาน

    หอมหัวใหญ่ ¾ ถ้วย มันฝรั่ง ¾ ถ้วย ต้นหอม 3-4 ต้น ผงซุปปลากะตัก 1 ช้อนชา เกลือกับกิมจิ 100 กรัม หมูสามชั้นหรือหมูสไลด์ เต้าหู้อ่อน น้ำเปล่า และผงพริกเกาหลีบดละเอียด 2-3 ช้อนโต๊ะ

    วิธีทำ

    1. หั่นหัวหอมใหญ่ มันฝรั่ง และต้นหอม
    2. ตั้งหม้อหินบนเตา ผสมน้ำเปล่ากับผงซุปปลากะตัก และต้มมันฝรั่งก่อนสักเล็กน้อย
    3. ใส่หอม และหอมหัวใหญ่ลงไปด้วย
    4. รอให้ส่งกลิ่นหอม และมันฝรั่งสุกประมาณ 70% จึงเติมกิมจิลงไป
    5. เติมผงพริกเกาหลีตามความเผ็ดที่ชอบ
    6. เติมหมูสไลด์หรือหมูสามชั้น และเพิ่มเนื้อหมูช่วงท้ายของการปรุงตอนเสิร์ฟ
    7. ใช้ช้อนตักเต้าหู้อ่อนวางบนหน้าซุป โรยต้นหอมตกแต่ง ก็พร้อมเสิร์ฟ

    ข้าวคลุกรัชกาลที่ 6 จากคู่มือทำอาหารปี พ..2509

    เมนูที่เหมาะสำหรับเชฟสมัครเล่นที่ชอบความท้าทายจริง ๆ เพราะถือเป็นจานปราบเซียนที่ต้องใช้สมาธิ และความใส่ใจขั้นสุด ชนิดที่ใครทำแล้วเกิดปัง ก็เลื่อนขั้นสกิลเชฟให้ตัวเองไปได้อีกระดับเลย

    ส่วนประกอบมาตรฐานสำหรับ 4-5 จาน

    หมูสามชั้น 1 ชิ้น อกไก่ 2-3 อก ปลาดุกย่าง 2 ตัว กระเพาปลา 2 เส้น ไข่เค็ม 3 ฟอง น้ำพริกเผา 3 ช้อน พริกไทยอ่อน 2-3 พวง มะม่วงเปรี้ยว (มะม่วงแก้ว) 1 ลูก มะปรางดิบ (ถ้าหาไม่ได้ ให้ใช้มะม่วงเขียวเสวยหรือมะม่วงมันแทน) 1 ลูก แตงกวา 1 ลูกใหญ่ หรือลูกเล็กหลายลูก กระเทียม 2 หัว มะนาว 1 ลูก น้ำปลา 2 ช้อน ซีอิ๊วขาว 2 ช้อน ซีอิ๊วดำ 2-3 หยด ข่า 2 แว่น และข้าวหุง 2 ถ้วยตวง

    วิธีทำ 

    1. ล้างหมูสามชั้น หั่นเป็นชิ้นเล็ก แล้วนำไปต้มน้ำซีอิ๊ว
    *เคล็ดลับ : ใส่ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ น้ำตาล พริกไทย และข่าเล็กน้อย
    2. ต้มจนแห้ง แล้วจะได้หมูเค็ม
    3. ต้มไก่ ใส่เกลือสัก 2 ช้อนชา
    4. นำไก่ที่ต้มแล้วมาฉีกฝอยและนำไปผัดตามสูตร
    5. แกะเนื้อปลาดุกย่าง และยีออก
    6. นำเนื้อปลาดุกย่างไปทอดจนเหลือง แล้วตักมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน
    7. หั่นกระเพาะปลาเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำไปทอด
    *เคล็ดลับ: เลือกใช้แบบถุงสำเร็จ จะไม่เหม็น ใช้ทอดได้เลยโดยไม่ต้องล้างน้ำ
    8. นำข้าวสวยมาคลุกไข่เค็ม พร้อมกับน้ำพริกเผาให้ทั่ว
    9. แกะกระเทียมมาล้าง จากนั้นตำ สับ และเจียวกระเทียม
    10. สับมะม่วงทั้ง 2 ชนิดเป็นฝอย แล้วนำไปแช่น้ำผสมเกลือ
    11. เทน้ำออก แล้วลองชิมมะม่วง เอาแค่รสพอเค็มเล็กน้อย ถ้าเค็มเกินให้ล้างน้ำออก จะได้มะม่วง 3 รส
    12. ล้างแตงกวา ซอยเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วหั่นฝอย
    13. ล้างพริกไทยอ่อน
    14. หั่นพริกไว้ตกแต่งจาน
    15. นำวัตถุดิบที่เตรียมไว้ทั้งหมดมาจัดลงจาน
    16. บีบมะนาว พร้อมรูดพริกไทยอ่อน แล้วคลุกเบา ๆ ตามตำราเป็นอันเสร็จ

    ขนมก้านบัว มรดกตกทอดของทานเล่นจากสมัยโบราณ

    ขนมไทยทานง่าย แต่หาทานยากชนิดนี้ เป็นขนมที่ได้รับความนิยมมากจากสมัยก่อน ซึ่งแม้จะมีความง่ายด้านวัตถุดิบ แต่การจะทำออกมาให้กรอบ อร่อย ก็ต้องใช้ฝีมือไม่เบาเลยล่ะ

    ส่วนประกอบมาตรฐานสำหรับ 3-4 ท่าน

    แป้งสาลี 1.5 ถ้วยตวง แป้งทอดกรอบ 1/2 ถ้วยตวง ผงฟู 1 ช้อนชา น้ำตาลไอซิ่ง 1.5 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1/2 ช้อนชา ไข่ไก่ 1 ฟอง น้ำปูนใส 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ กะทิ 2 – 3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ ผงปรุงรส 1/2 ช้อนโต๊ะ พริกไทย 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 1/2 – 3/4 ถ้วยตวง น้ำมันสำหรับทอด 1/2 ขวด และต้นหอมซอย 2 ต้น

    วิธีทำ

    1. เตรียมน้ำปูนใสไว้ก่อน ทิ้งไว้ให้ตกตะกอน แล้วช้อนเอาแต่น้ำด้านบนมาใช้
    2. ผสมแป้งสาลี แป้งทอดกรอบ ผงฟู น้ำตาลไอซิ่ง และเกลือ เข้าด้วยกัน คนให้เข้ากันดี แล้วพักไว้
    3. ผสมไข่ไก่ น้ำมันพืช และน้ำปูนใส ตีให้เข้ากันดี
    4. เทส่วนผสมไข่ลงในอ่างแป้ง นวดให้เข้ากัน แป้งจะเป็นเม็ดหยาบๆ
    5. ค่อย ๆ เติมกะทิลงไปในแป้ง อย่าใส่เยอะ นวดไปก่อน ถ้าแห้งไปค่อย ๆ เพิ่มกะทิ นวดจนปั้นได้เนียนมือดี พักทิ้งไว้โดยหาฝาปิดหรือคลุมด้วย Plastic Wrap อย่างน้อย 30 นาที
    6. นำแป้งมาคลึงเป็นเส้น แล้วตัดเป็นท่อนเหมือนก้านบัว ทำจนแป้งหมด
    7. ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ทอดตัวแป้งโดยแบ่งทอดซัก 2-3 รอบ น้ำมันร้อน ไฟกลางค่อนข้างอ่อน ทอดให้แป้งพองสุก และกรอบ อย่าใช้ไฟแรงเพราะด้านนอกจะไหม้ก่อน
    8. แป้งสุกกรอบดีแล้ว สะเด็ดน้ำมันพักไว้
    9. ตั้งกระทะเตรียมทำน้ำเคลือบ ใส่น้ำ น้ำตาลทราย ผงปรุงรส และพริกไทย เร่งไฟให้ทุกอย่างละลายเข้ากันดี (ผงปรุงรส และพริกไทย สามารถตัดออกได้ถ้าใครไม่ชอบ ให้ใส่เกลือเล็กน้อยแทน) จากนั้นลองชิมรส
    *เคล็ดลับ: ปกติขนมก้านบัวจะใส่แค่น้ำตาลกับเกลือ แต่อยากให้มีรสเผ็ดและอร่อยถูกปากยิ่งขึ้น เลยดัดแปลงตามชอบ
    10. เคี่ยวส่วนผสมน้ำเคลือบให้เหนียวข้นจนเกือบแห้ง ใส่ต้นหอมซอยลงไปผัดให้เข้ากัน ในต้นหอมมีน้ำเลยต้องผัดให้แห้งอีกสักครู่ จากนั้นลดไฟให้อ่อนลง
    11. ใส่แป้งที่ทอดไว้ลงไปคลุกกับน้ำเคลือบให้ทั่ว ตอนแรกน้ำจะยังเหนียวข้นหนืด ให้ผัดไปเรื่อย ๆ โดยใช้ไฟอ่อนที่สุด
    12. ผัดไปซักพักน้ำตาลจะเริ่มตกทราย และเป็นผลึกเกาะตัวแป้ง
    13. ตักใส่ถาดพักไว้ให้เย็น พร้อมเสิร์ฟ เป็นของว่างพร้อมชากาแฟ หรือกินเล่นก็อร่อยเพลินมาก ถ้ากินไม่หมดให้เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิทไว้กินต่อที่หลังได้ด้วย

    Dalgona Coffee กาแฟรสนุ่ม ละมุนกลิ่มหอม

    แน่นอนว่ามีของคาวหวานแล้ว ก็ต้องมีเครื่องดื่มตบท้ายสักหน่อย ยิ่งในช่วงเวิร์ก ฟรอม โฮม แถมกินมาอิ่ม ๆ เวลาทำงานไปก็ชวนง่วงไป การได้กาแฟรสชาติดี ๆ แบบคราฟท์ด้วยมือเราเอง ก็จะช่วยให้เรามีสมาธิทำงานกันมากขึ้นแน่นอน

    ส่วนประกอบมาตรฐานสำหรับ  1 แก้ว

    กาแฟผง 2 ช้อน น้ำตาลหญ้าหวาน 1.5 ช้อน นม 1 แก้ว และน้ำแข็ง 1 แก้ว

    วิธีทำ

    1. นำผงกาแฟและน้ำตาลใส่ลงในชาม และเติมน้ำร้อนเข้าไปเล็กน้อย
    2. ใช้ตะกร้อมือตีเข้าด้วยกัน ประมาณ 10 นาทีจนฟองขึ้นเป็นคล้ายๆ วิปครีม
    3. จากนั้นนำน้ำแข็งใส่แก้ว พร้อมเทนมสดค่อนแก้ว จากนั้นนำวิปครีมกาแฟมาโปะด้านบน เท่านี้ก็ได้อร่อยกับกาแฟอร่อย ๆ อย่างง่ายดาย

    ขอบคุณที่มาข้อมูล และรูปภาพจาก Wongnai Cooking