ต้องบอกว่าเป็นอีกศิลปินที่มีผลงานเพลงออกมาให้แฟน ๆ ได้ฟังกันอย่างต่อเนื่อง หลังเปิดตัวในฐานะนักร้อง-นักแต่งเพลงแบบเต็มตัว กับ วาเลนติน่า พลอย (Valentina Ploy) เจ้าของตำแหน่งรองอันดับ 2 Miss Universe Thailand 2018 ที่มีผลงานเพลงอย่าง “See You In Life” ซึ่งมียอดฟังในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่พุ่งสูงทะลุ 10 ล้านครั้ง รวมถึงเพลง “Wire” และ “Let Go” ที่โดนใจคนฟังทั่วโลกจนถูกจัดรวมอยู่ในเพลย์ลิสต์ เพลงฮิตระดับโลกอย่าง “It’s a hit!” ที่มีเพลงดังของศิลปินอย่าง Taylor Swift, Ed Sheeran, Ariana Grande และ Shawn Mendes นั้น
ล่าสุดเธอก็ได้ออกอัลบั้มแรกในชีวิตอย่าง “Satellite” โดยได้รุ่นพี่ร่วมค่ายอย่าง “ปกป้อง จิตดี” โปรดิวเซอร์มากฝีมือระดับอินเตอร์จากวง “Plastic Plastic” และ “Gym and Swim” มาช่วยเสริมดนตรีให้โกอินเตอร์มากขึ้น ซึ่งวาเลนติน่า พลอย ยังเผยว่าความหมายในภาษาไทยของอัลบั้มนี้คือ “ดาวเทียม” แต่เหตุใดจึงต้องเป็นดาวเทียม การเติบโตบนเส้นทางสายบันเทิงของเธอเป็นอย่างไร และความสุขในชีวิตของศิลปินหญิงวัย 26 ปี ที่ใช้การ้องเพลง-การแต่งเพลง ในการเยียวยาตัวเองทุกวันนี้คืออะไร เชื่อว่าบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ น่าจะตอบคำถามเหล่านี้ และสร้างพลังในการมุ่งมั่นทำสิ่งที่รักของทุกคนได้ต่อไปไม่มากก็น้อย
“Satellite” อัลบั้มแรกในชีวิตการเป็นศิลปินของวาเลนติน่า พลอย
“อัลบั้ม “Satellite” มันจะมีการใส่สไตล์อิเล็กทรอนิกส์เข้ามานิดหน่อย ตามการเติบโตในการทำเพลงของพลอย แต่ขณะเดียวกันมันก็มีความคิด ความรู้สึกเราจริง ๆ มันออร์แกนิกมาก ๆ อย่างในอัลบั้มก็จะมีเพลงที่ใช้ซาวด์เปียโนแทบจะล้วน ๆ ซึ่งพลอยชอบตรงที่สักวันถ้าเรากลับมามองอัลบั้มชิ้นนี้ ที่ทุกเพลงคือแต่งเองหมดเลย ที่บ้านตัวเอง แล้วมันเป็นสิ่งที่มาจากดนตรีจริง ๆ ความรู้สึกจริง ๆ ของเรา เป็นอัลบั้มแรกในชีวิตของเราด้วย มันมีตัวตนเราชัดเจนมาก ทุกเพลงมันออกมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของเราทั้งหมด”
“ซึ่งจริง ๆ “Satellite” มันเป็นชื่อของเพลงหนึ่งที่จะออกในอัลบั้มด้วย แล้วเป็นเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับตัวพลอยล้วน ๆ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เราเคยมี ของการเป็นคนขี้อาย การที่ไม่กล้าแสดงออกเลย จนเลือกหันมามีความสัมพันธ์ทางอารมณ์กับดนตรี แล้ว “Satellite” ภาษาไทยมันแปลว่าดาวเทียม เพราะเราเหมือนเปรียบเทียบตัวเองกับดาวเทียมที่อยู่ในความมืด โดยเราโตมาในสถานที่เล็ก ๆ ของอิตาลี แล้วการที่ต้องมาอยู่ในวงการที่ทุกคนจับตามอง เราก็ต้องปรับตัวอย่างหนัก เราก็เลยรู้สึกว่าเพลงนี้มันเป็นตัวตนของเราที่สุด ก็เลยเรียกว่า “Satellite” แต่ทั้งอัลบั้มจะมีทั้งหมด 6 เพลง”
การเริ่มต้นเข้าสู้เส้นทางสายบันเทิงของวาเลนติน่า พลอย
“จริง ๆ พลอยเคยไปประกวดที่อิตาลี 2 เวทีคือ The X Factor และ Amici แล้วก็ที่เมืองไทยก็เริ่มจากการประกวด The Voice Season 6 ซึ่งตอนนั้นพลอยมาเมืองไทยแค่ปีละ 1-2 ครั้ง แล้วก็อยากลองประกวดดู ซึ่งหลังจากประกวด The Voice Season 6 ไม่นานก็ได้มาประกวด Miss Thailand Universe 2018 ก่อนจะมาเริ่มต้นทำงานเพลงกับทางค่าย What The Duck ซึ่งตอนประกวด Miss Thailand Universe พลอยได้รู้จักกับพี่จาก What The Duck ที่เห็นว่าพลอยชอบร้องเพลง และก็แต่งเพลงได้ ก็เลยแนะนำให้เราลองส่งเดโม่ มาลองประชุมกันกับค่าย ก็เหมือนมาสมัครแบบศิลปินปกติ แล้วก็ตัดสินใจทำงานด้วยกันหลังจากนั้น”
เมื่อการแต่งเพลง-ร้องเพลง เป็นการเยียวยาทางความรู้สึก
“จริง ๆ พลอยชอบแต่งเพลงมาตั้งแต่เด็ก ๆ เลยค่ะ เพราะเราเป็นคนขึ้อายมาก ๆ ตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ชอบให้คนมอง ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ ใครบอกให้ร้องเพลงให้ฟังหน่อยคือวิ่งหนีเลยค่ะ ขนาดตอนประกวด The Voice เราก็ยังปากสั่น แต่การแต่งเพลงมันเหมือนเป็นการที่เราจะได้ระบายอารมณ์ หรืออะไรที่เราอยากจะพูดออกมาข้างนอกได้ แล้วปกติเราเป็นคนที่พกไดอารี่อยู่แล้ว ก็จะเขียนอะไรลงไป ๆ ในทุกอย่างที่เรารู้สึก และก็จะทำให้มันกลายเป็นเพลง ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่กับเรามาโดยตลอด มันเป็นการเยียวยาให้เรารู้สึกดีขึ้น คือทุกเพลงของเรามาจากประสบการณ์ของตัวเองหมดเลย เป็นเรื่องราวจากชีวิตจริง เพราะการแต่งเพลง พลอยไม่เคยมองมันเป็นงานอย่างหนึ่ง แม้ตอนนี้มันจะกลายเป็นงานแล้วก็ตาม”
“แต่ขณะเดียวกันมันก็มีความเติบโตด้วย เราก็โตขึ้น ประสบการณ์มากขึ้น ทุกเพลงที่พลอยทำมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพลอยเลยอ่ะค่ะ ถึงแม้ว่าพลอยไม่ได้เป็นศิลปิน พลอยก็จะเอามาเขียน แล้วก็ทำให้มันเป็นเพลงร้องออกมา ก็รู้สึกสบายขึ้น รู้สึกว่าได้ปล่อยอะไรออกมามากขึ้น แล้วยังรู้สึกว่าการแต่งเพลงมันเหมือนการที่เราได้เอาสิ่งที่คาใจเราอยู่ออกมาข้างนอก แล้วทำให้มันกลายเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง มันจะช่วยปลดปล่อยตัวเราได้ เพราะสุดท้ายถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนแบบนี้ แต่เราก็ภูมิใจที่เราทำสิ่งนี้ได้ และมันก็จะทำให้เรามีความั่นใจในตัวเองมากขึ้น”
ความแตกต่างของการเป็นนางงามกับนักร้อง-นักแต่งเพลง
“คือตัวพลอยก็เป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งในมุมมองของเราทั้งในแง่ศิลปิน ในแง่นางงาม ก็ยังเป็นตัวเราอยู่ เพราะว่าตอนเราเป็นนางงาม เราแค่อยากจะแชร์สิ่งดี ๆ แล้วพลอยก็มองว่าดนตรีก็ตอบโจทย์ตรงนี้ เพราะว่าดนตรีก็สามารถช่วยคนได้ สามารถแชร์อะไรดี ๆ กับคนได้ ทำให้สุดท้ายจุดประสงค์มันก็เหมือนกัน แต่ว่ามันก็อาจจะแตกต่างในส่วนของสกิลความสามารถที่ต้องใช้ เพราะว่าการเป็นนางงาม พลอยก็เพิ่งมารู้ตอนประกวด Miss Universe Thailand 2018 ว่ามันจะต้องมีการเดิน การแต่งหน้า ทำผม และการดูแลต่าง ๆ เกี่ยวกับความสวยความงามมากขึ้น แต่ว่างานดนตรีก็จะโชว์สกิลในการร้องเพลง แต่งเพลง เล่นกีตาร์”
“Love You Better” เพลงที่เกิดจากความต้องการรักให้ดีขึ้นกว่าเดิม
“เพลง “Love You Better” นับเป็นอีกเพลงในอัลบั้ม “Satellite” ที่มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของพลอย มาจากความสัมพันธ์ส่วนหนึ่งที่เราเคยมีความสุขกับมันมาก เรารู้สึกว่าเราเป็นตัวของตัวเองได้ 100% รู้สึกว่าเราไม่อยากจะเสียสิ่งนั้นไป จนเกิดเป็นความรู้สึกว่าเราไม่ได้อยากรักมากกว่านี้แล้ว แต่อยากรักให้ดีกว่านี้ ก็เลยแต่งตามความรู้สึกตอนนั้น พึ่งแต่งตอนเดือนพฤศจิกายน ช่วงที่กลับมาจากอินเดีย แล้วมันก็มีเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เราก็กลับบ้านมาแต่งเลย”
ความรู้สึกจากการได้พี่ปกป้อง จิตดี มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับอัลบั้ม “Satellite”
“ตอนแรกที่พลอยแต่งมันก็จะมีแค่กีตาร์กับเมโลดี้ แต่พอมาทำกับพี่ปกป้อง จิตดี เหมือนทุกอย่างมันจะสมบูรณ์แบบขึ้น จะมีซาวด์หลาย ๆ อย่างที่เพราะขึ้น ซึ่งทุกเพลงที่ผ่านมาของพลอยกับทาง What The Duck ก็มีทั้งพี่ปกป้อง จิตดี แล้วก็มีต้องตา จิตดี โดยจะเห็นว่าทุกเพลงของพลอยก็จะมีซาวด์เปียโนจากเพลง-ต้องตา จิตดี อยู่ด้วย ซึ่งตอนร่วมงานกันก็รู้สึกสบายใจ เป็นธรรมชาติ ตั้งแต่แรก คือมันรู้สึกว่าเราเข้าใจกันได้ดีในแง่ดนตรี เพราะว่าเหมือนเราก็ให้แนวงานเพลงที่อยากได้กับพี่เขา พี่เขาก็เข้าใจว่าพลอยชอบแบบไหน แล้วก็สามารถทำเพลงของเราให้มันดีขึ้นมาได้อีกหลายเท่า”
กิจกรรมในช่วงกักตัวอยู่บ้าน และกำลังใจจากวาเลนติน่า พลอย ในวิกฤตโควิด-19
“ช่วงที่ผ่านมาเราฟังดนตรีอิตาเลียนเยอะขึ้นนิดหน่อย แล้วก็พยายามเรียนภาษาสวีเดน ก็เลยฟังเพลงสวีเดนด้วย กับมีอัลบั้มหนึ่งที่ออกมาแล้วเราประทับใจมาก ก็ฟังวนอยู่อย่างนั้น ของแม็กกี้ โรเจอร์ (Maggie Rogers) และยังแต่งเพลง-ร้องเพลงเยอะมาก เวลารู้สึกเครียดก็ลุกขึ้นมาเต้นคนเดียว ก็พยายามออกกำลังกาย ทำงานจากที่บ้านด้วย กับการเป็นครูสอนภาษา แล้วก็ทำอาหารอิตาเลียน วาดรูป อ่านหนังสือ”
“ซึ่งจริง ๆ ในวิกฤตโควิด-19 พลอยก็อยากจะให้กำลังใจทุกคน รู้ว่าจริง ๆ มันอาจจะยากกับการที่เราต้องอยู่บ้าน เครียดทั้งการงาน ทั้งสุขภาพจิต ไหนจะเจอคนที่เรารักไม่ได้ แต่ว่าพลอยก็ขอให้ทุกคนเข้มแข็ง เพราะเชื่อว่าวิกฤตครั้งนี้มันจะผ่านไป ขอให้ทุกคนคิดบวกเอาไว้”
นิยามความสำเร็จของวาเลนติน่า พลอย
“ทุกวันนี้เราอยากจะหาบาลานซ์ระหว่างชื่อเสียงกับการมีความสุขในทุกช่วงเวลาในแต่ละวัน โดยแบ่งสมดุลการมีความสุขกับสิ่งที่เราทำอยู่แล้ว กับการที่เราจะต้องผลักดันตัวเองให้มากขึ้น เพราะงั้นถ้าถามว่าตอนนี้เราประสบความสำเร็จไหม ก็ต้องตอบว่าทั้งใช่ และไม่ใช่ เพราะเราก็ดีใจกับสิ่งที่ทำได้แล้ว ถ้าเทียบกับเมื่อวาน แต่ในเวลาเดียวกันเราก็ต้องมีความเติบโต และการต้องพัฒนาไปข้างหน้าอีกเยอะ ที่เราจะต้องเรียนรู้ แล้วก็มุ่งมั่นทำต่อไป”