Wednesday, December 7, 2022
More

    ชวนอ่านบทสัมภาษณ์ผู้กำกับ และ 4 นักแสดงนำ “BLACKOUT บาร์ลับไม่มีในโลก”

    เปิดเบื้องหลังการทำงานแบบ(ไม่)ลับ จากผู้กำกับ และ 4 นักแสดงนำ “BLACKOUT บาร์ลับไม่มีในโลก” ซีรีส์แนวตั้งเรื่องแรกของนาดาว บางกอก

    จุดเริ่มต้นของ “BLACKOUT บาร์ลับไม่มีในโลก” 

    ปิง-เกรียงไกร / โปรดิวเซอร์ และผู้กำกับ : เริ่มต้นจากการที่เราอยากทำซีรีส์แนวตั้ง เลยพยายามหาเนื้อเรื่องที่น่าจะเวิร์ก จนมาค้นพบว่า การดำเนินเรื่องแนวตั้ง มันทำให้เกิดความรู้สึกลึกลับ มีอะไรน่าสงสัย และนอกเฟรมจะมีอะไรอยู่นะ ถ้าทำเป็นซีรีส์ลึกลับน่าจะเหมาะดี


    เลยไปชวนเน็ท (อธิศ กิจศุภไพศาล) น้องผู้กำกับอีกคนมาร่วมงานด้วย และคุยเรื่องคอนเทนต์กัน ว่ามันจะเป็นแนวไหน แล้วเน็ทก็เป็นคนเสนอเรื่อง “BLACKOUT บาร์ลับไม่มีในโลก” ขึ้นมา ว่าเป็น เรื่องของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ที่ตื่นขึ้นมา แล้วความทรงจำหายไป จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง แถมยังจำไม่ได้ว่าทางเข้า-ออกของบาร์ลับแห่งนี้อยู่ตรงไหน 

    พอเน็ทเสนอเรื่องนี้มา ก็คิดว่าเวิร์ก เลยลองเขียนบทกัน ถือเป็นซีรีส์ที่พิเศษตรงที่เราเขียนบทบนไอเดียด้วยวิธีการที่ต้องเป็นแนวตั้ง เวลาเขียนบทเลยยากมาก ๆ

    เพราะเราต้องเขียนบทให้ดูซีนเดิม ต้องดูเหตุการณ์เดิมซ้ำ ๆ แต่รู้สึกไม่ซ้ำ และให้ได้ข้อมูลใหม่เสมอ 

    ซึ่งได้เรียนรู้จากการที่ทำเรื่อง “I Hate You I Love You” เพราะตอนนั้นก็เป็นซีรีส์เรื่องมุมมองเหมือนกัน และเราก็เรียนรู้จากฟีดแบ็กคนดู ณ วันนั้น ว่าการที่แต่ละตอนมีข้อมูลใหม่ให้คนดู จะทำให้คนดูรู้สึกตื่นเต้นขึ้น ก็เลยลองเอามาปรับใช้กับเรื่องนี้ ทำให้มันเข้มข้นขึ้นครับ

    บทบาทของ 4 นักแสดงนำใน “BLACKOUT บาร์ลับไม่มีในโลก”

    ปิง-เกรียงไกร / โปรดิวเซอร์ และผู้กำกับ : “BLACKOUT บาร์ลับไม่มีในโลก” เราเลือกนักแสดงที่รู้สึกว่าถ้าเขามาอยู่ในมู้ดแอนด์โทนแบบนี้ คงน่าสนใจดี อย่าง แพรว (นฤภรกมล ฉายแสง) ที่ต้องมาเล่นเป็นตัวละครที่อยู่กับความลึกลับ ความแพนิก ความตกใจ แล้วดูน่าสนใจ 

    และนึกถึงตัวละครอย่าง กัปตัน (ชลธร คงยิ่งยง) ที่เป็นตัวละครที่ดูนิ่ง ๆ แต่มีทุกอย่างที่คิดอยู่ในหัวเต็มไปหมด อีกคนหนึ่งที่อยากเห็นคือ โอบ (โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์) รู้สึกว่าเราอยากเห็นโอบในอีกโหมด คือ บทนี้จะแตกต่าง เหมือนเห็นโอบร้ายเต็มขั้น อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน 

    และพอรู้สึกว่าไม่อยากให้มีแค่นักแสดงนาดาว ก็เลยมาลงตัวที่วี (วิโอเลต วอเทียร์) คิดว่าถ้าเป็นวี เคมีของกลุ่มนี้น่าจะเปลี่ยนจากภาพที่เราคุ้นเคย ทั้งด้วยกระบวนการถ่ายทำที่ค่อนข้างยาก เราเลยอยากเลือกนักแสดงที่เราไว้ใจกัน

    และเหตุผลที่เลือกทั้งสี่คนนี้ เพราะคิดว่าเขามีไหวพริบ และสัญชาตญาณ โดยได้เรียนรู้ร่วมกันตั้งแต่เขียนบท การถ่ายทำ จนถึงกระบวนการต่าง ๆ ที่ค่อนข้างใหม่ ซึ่งเป็นความยาก ความท้าทายกว่าที่เราคิดไว้

    ความยากของการถ่ายทำ “BLACKOUT บาร์ลับไม่มีในโลก”

    วี-วิโอเลต วอเทียร์ / นักแสดงนำ : “BLACKOUT บาร์ลับไม่มีในโลก” มีความยากของการทำงานอยู่ในทุกขั้นตอนเลยค่ะ ตั้งแต่การเนรมิตบาร์ลับขึ้นมาใหม่ทั้งหมด รวมไปถึงวิธีการถ่ายทำ มุมกล้อง และบทของแต่ละคนที่ต้องใช้อารมณ์กันเยอะมาก 

    ถือเป็นการทำงานที่ท้าทายในทุกส่วน ทุกฝ่าย ด้วยการถ่ายทำแบบลองเทค ที่ทำให้รู้สึกเหมือนคนดูได้เดินตามตัวละครทั้ง 4 ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่กลับเห็นเรื่องราวที่แตกต่างกัน ซึ่งก่อนถ่ายทำ ทั้งช่างภาพ และนักแสดง เราต้องหาทางนัดแนะว่า จะใช้วิธีบอกคิวกันอย่างไร ต้องหาวิธีส่งซิกกันแบบไหน เพราะมันไม่สามารถเล่นไป นับเลขในใจกันได้

    เราต้องโฟกัสกับอารมณ์ และแยกประสาทว่าตอนนี้เราต้องอยู่คิวไหน ตรงไหน ต้องโฟกัสกับอะไร ซึ่งยากมาก โชคดีที่เคมีนักแสดงทุกคนเข้ากันมาก ทั้ง แพรว กัปตัน โอบ ทุกคนช่วยรับส่งอารมณ์กัน เหมือนเราได้ผจญภัยในด่านต่าง ๆ ไปด้วยกัน ที่ผ่านแต่ละฉากมาได้ เพราะพลังของทีมเวิร์กจริง ๆ ค่ะ

    ฟีดแบ็กที่เป็นพลังใจของทีม “BLACKOUT บาร์ลับไม่มีในโลก”  

    แพรว-นฤภรกมล ฉายแสง / นักแสดงนำ : หลัง “BLACKOUT บาร์ลับไม่มีในโลก” ออนแอร์ตอนแรกไป แพรวตามอ่านฟีดแบ็กของทุกคน รู้สึกดีใจ และปลื้มมากค่ะ ที่หลายคนเห็นความทุ่มเทของพวกเรา ทีมนักแสดง และทีมงานทุกคน 

    มีทวิตหนึ่งที่บอกว่า นอกจากการเปิดประสบการณ์การดูซีรีส์แนวตั้งแล้ว สิ่งที่ดีมาก ๆ คือการใช้เทคนิคลองเทค ซึ่งพ่วงมากับความสามารถของนักแสดง ที่ต้องเล่นต่อเนื่อง การกำกับภาพที่เล่นกับพื้นที่แนวตั้ง รวมถึงการออกแบบพื้นที่ในบาร์นี้ ที่มันไม่ใช่บาร์ แต่คือเขาวงกต !

    อีกคอมเมนต์ก็บอกว่า ทั้งลองเทค และเเนวตั้ง ดูไปแล้วลุ้นตามตลอด ยิ่งมันเฟรมเเคบ คือไม่เห็นข้าง ๆ คือลุ้นจริง ให้ความรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องมาก ความรู้สึกเหมือนไม่ได้ดูซีรีส์ เหมือนตัวเองอยู่ในเกม ชอบการลองเทคแบบนี้นะ มันแบบอารมณ์ต่อเนื่องดี ลุ้นมาก 

    และอีกข้อความคือ ทำออกมาได้ดีมาก ดูจบในหัวเต็มไปด้วยข้อสงสัย ว่าตกลงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และเหตุการณ์ก่อนที่ภาพจะตัดไปคืออะไร ส่วนตัวคืออยากขอบคุณทุก ๆ ฟีดแบ็กเลยนะคะ 

    การกลับมารื้อฟื้นวิชาการแสดงของกัปตันใน “BLACKOUT บาร์ลับไม่มีในโลก”

    กัปตัน-ชลธร คงยิ่งยง / นักแสดงนำ : สำหรับการทำงานใน “BLACKOUT บาร์ลับไม่มีในโลก” บอกเลยว่ายากมาก ด้วยความที่ผมห่างหายจากกองถ่ายไปนาน พอกลับมา เหมือนต้องมารื้อฟื้นอีก พี่ปิงกับพี่เน็ท ผู้กำกับ เลยอยากให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด จึงส่งผมไปเรียน เพื่อเพิ่มทักษะการแสดงให้ดีขึ้น 

    เพราะการทำงานในกองซีรีส์เรื่องนี้ละเอียดมากครับ ถ้าพลาดแค่นิดเดียว เท่ากับต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด นอกจากการแสดงแบบลองเทค ทุกคนต้องแสดงให้ซิงค์พร้อมกันทุกเทคอีกด้วย 

    ซึ่งเป็นความยาก ความท้าทายของผู้กำกับ ทีมงาน และทีมนักแสดง ที่ต้องรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว แต่บางทีก็มีหลุดไปบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เวลามีอะไรที่ผิดพลาดทางเทคนิค จะเป็นช่วงที่ผมอยู่ในซีนนั้นตลอด คือเป็นคนที่มักเจอเหตุการณ์ไม่เป็นใจในกองถ่าย เช่น กล้องแบตหมด เปิดไฟแต่ไม่ติด ฯลฯ จนทุกคนเริ่มแซวว่าเวลามีเหตุ มักอยู่ในซีนกัปตันทุกที

    การสวมบทบาทสุดท้าทายของโอบใน “BLACKOUT บาร์ลับไม่มีในโลก”

    โอบ-โอบนิธิ / นักแสดงนำ : ขอบคุณฟีดแบ็กจากทุกคนมากเลยนะครับ โอบเชื่อว่าหลายคนคงได้เห็นคาแร็กเตอร์ของบิลลี่กันไปแล้ว อาจจะคิดว่าบทบิลลี่น่าจะเป็นบทที่สบาย ๆ เพราะเป็นคนที่โดนแทง แล้วนอนไปกับพื้น แต่บอกเลยว่าสำหรับผมเอง บทนี้ยาก และท้าทายมาก ๆ เลยครับ

    เพราะเราต้องสื่อสารออกมาผ่านทั้งร่างกาย เป็นเรื่องของจังหวะของทุกตัวละครที่ต้องลงตัวกันมาก ๆ ถ้ามีจุดไหนที่พลาดนิดเดียว คือต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด ตอนที่โดนแทงมีทั้งบทล้มลุกคลุกคลาน เดินเซลงบันไดด้วยสภาพร่างกายที่บาดเจ็บ ซึ่งตอนเวิร์กชอป ก็มีการต้องเรียนรู้ว่าจะทำอย่างไร ให้คนดูเขาสัมผัสได้ว่าตัวละครอย่างบิลลี่เขาเจ็บปวดกับบาดแผลขนาดไหน 

    ตอนซ้อมแรก ๆ คือผมหน้ามืดเลยครับ เพราะเราตั้งใจอินกับบทบาท จนหายใจถี่เกินไป หลัง ๆ เลยต้องค่อย ๆ ปรับ โดยการฝึกเรื่องลมหายใจเข้าออก บางซีนก็ต้องเล่นจริงเจ็บจริง แถมยังต้องปรับจูนอารมณ์ไปด้วย ซึ่งพี่ย้ง (ทรงยศ สุขมากอนันต์) เคยบอกว่าอยากให้ผมหลุดกรอบจากคาแรกเตอร์เดิม ๆ

    อยากให้คนจำเราในแต่ละบทบาท เพราะแต่ละตัวละครมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นข้อคิดที่ทำให้ผมเต็มที่ และตั้งใจกับงานนี้มาก ๆ ครับ ถือเป็นประสบการณ์ในการทำงานที่ประทับใจมากครับ ความสนุกคือเหมือนเราได้ทดลองอะไรใหม่ ๆ เรียกว่าทั้งทีมงาน นักแสดง และคนดู จะได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ในซีรีส์แนวตั้งไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งพอได้เห็นฟีดแบ็กจากการที่คนดูนำจอมาต่อกันแล้ว บอกเลยว่าตื่นเต้น และดีใจ ที่ทุกคนสนุก และอินไปกับการดูซีรีส์เรื่องนี้ครับ

    “คนสำคัญ” เพลงประกอบ “BLACKOUT บาร์ลับไม่มีในโลก”

    วี-วิโอเลต วอเทียร์ / นักแสดงนำ : รู้สึกสนุก และท้าทายมากค่ะ กับการแต่งเพลง

    “คนสำคัญ” เหมือนวีได้ชาเลนจ์ตัวเองในการแต่งเพลงตามโจทย์ ซึ่งมีเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับตัวซีรีส์ สิ่งที่ยากในเพลงนี้ คือการดีไซน์การร้องว่าควรจะร้องด้วยมู้ดไหน อย่างเช่นคำว่า “ในใจ” ที่โน้ตใกล้กันมาก อยู่ที่การออกเสียงที่แค่นิดเดียว แต่ว่าความรู้สึกอาจจะต่างกัน เลยต้องดีไซน์เสียงให้ลงตัวที่สุด

    ซึ่งในเพลงนี้ความหมายที่วีตั้งใจจะสื่อออกมา คือการเห็นคุณค่าคนที่สำคัญในชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นคนที่ผ่านทั้งสุขทั้งทุกข์ ภาพความทรงจำที่วิ่งเข้ามา

    ทำให้เรารู้สึกไม่โดดเดี่ยว เพราะมีคนสำคัญเหล่านี้อยู่ในชีวิต

    ตอนแรกที่วีเริ่มเขียนเพลง “คนสำคัญ” ก็มาจากโจทย์นี้ แต่ไป ๆ มา ๆ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้บอกแค่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง อยากให้เป็นเพลงที่แทนความรู้สึกได้หลาย ๆ แบบ คนสำคัญในชีวิตเราคือใครบ้าง เพื่อน คนรัก ครอบครัว แฟน ๆ ฯลฯ 

    วีอยากให้เป็นเพลงที่สามารถเอาไปใช้ได้กับหลาย ๆ โอกาส ให้เพลงได้พูดถึงการขอบคุณกับความทรงจำเหล่านี้ น่าจะแชร์ความรู้สึกในหลาย ๆ โมเมนต์ และสามารถมอบให้กับคนสำคัญในชีวิตได้ค่ะ วีรู้สึกภูมิใจที่ได้เขียนเพลงนี้ขึ้นมา และดีใจที่เพลงนี้ได้เป็นส่วนหนึ่งของ “BLACKOUT บาร์ลับไม่มีในโลก” ยังไงก็ขอฝากเพลง “คนสำคัญ” ด้วยนะคะ

    ชมตอนจบ (EP.8) ของ “BLACKOUT บาร์ลับไม่มีในโลก” ได้ทาง AIS PLAY ในวันพุธที่ 3 มี.ค. 64 เวลา 20:00 น. หรือฟังเพลง “คนสำคัญ” ได้ทาง YouTube : Nadao Bangkok