ใส่ชุดยูนิฟอร์มนักเรียน แล้วเข้าไปรายงานตัวเป็นเด็กใหม่พร้อมกัน ในซีรีส์เด็กใหม่ ซีซั่น 2 (Girl From Nowhere Season 2) ซีรีส์สัญชาติไทย แนวลึกลับระทึกขวัญ ที่สร้างกระแสความตื่นตะลึงไปทั่วโลก
ด้วยพล็อตเรื่องที่แปลกแหวกแนวอย่างน่าจับตา และตัวละคร “แนนโน๊ะ” สาววัยรุ่น คาแรคเตอร์หลุดโลก ที่ออกมากระชากหน้ากากสังคมจอมปลอม พร้อมทวงคืนความยุติธรรมให้สังคม
โดยเป็นผลงานซีรีส์ของ Netflix ที่ร่วมด้วยจีเอ็มเอ็ม สตูดิโอส์ อินเตอร์เนชั่นแนล และบริษัท เซาเออร์ บางกอก ซึ่งตัวซีรีส์ ได้ลงสตรีมมิ่งให้เราชมครบ 8 ตอนทาง Netflix เรียบร้อยแล้ว
ว่าแต่การกลับมาเปิดโปงความชั่วร้าย ตีแผ่ความลับดำมืดที่ถูกซุกซ่อนอยู่ทั้งในและนอกรั้วโรงเรียน ของแนนโน๊ะครั้งนี้ มีความน่าสนใจอย่างไร
และแก่นหลักที่ต้องการนำเสนอในเนื้อหาของซีซั่นนี้ ตลอดจนเบื้องหลังการทำงานของทีมซีรีส์เด็กใหม่ ซีซั่น 2 เป็นอย่างไร ลองมาหาคำตอบกันเลย !
การกลับมารับบท “แนนโน๊ะ” อีกครั้งของคิทตี้-ชิชา อมาตยกุล
คิทตี้-ชิชา : ดีใจและตื้นตันใจมาก เพราะการได้กลับมาในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่เกินความคาดหมาย ต้องขอบคุณแฟน ๆ และคนดูทุกคนที่ให้โอกาสแนนโน๊ะกลับมาอีกครั้ง รวมถึงขอบคุณ Netflix ที่ให้คิทได้กลับมาอีกครั้งค่ะ
ซีซั่นที่แล้ว คนดูมีภาพจำกับท่าเต้นหน้าเสาธงของแนนโน๊ะ มาซีซั่นนี้ คิดว่าจะมีอะไรที่เป็นภาพจำบ้าง
คิทตี้-ชิชา : จริง ๆ ซีซั่นที่แล้วหลาย ๆ อย่างมันเป็น Magic Moment ที่เกิดขึ้นเอง แล้วก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นภาพจำ เชื่อว่าในครั้งนี้ ก็อาจจะมี Moment ที่ไม่ได้คาดหวัง หรือไม่ได้ตั้งใจว่ามันจะต้องเป็นภาพจำ
แต่มันจะกลายเป็น Magic Moment อีกครั้ง ที่คนดูอาจจะชอบ หรือว่าติดตาตรึงใจ แต่สุดท้ายแล้วก็คงต้องให้ทางผู้ชมเป็นคนตัดสินมากกว่าค่ะ ว่าจะถูกใจซีนไหน หรืออยากจดจำซีนไหนบ้าง
ความยากง่ายของบทบาท “แนนโน๊ะ” เมื่อเทียบกับซีซั่นก่อน
คิทตี้-ชิชา : เป็นความโชคดีที่ครั้งนี้ ได้ทำงานกับทีมที่เคยร่วมงานกันมาตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว ก็จะรู้สไตล์กันอยู่ เลยทำให้การทำงานต่อกันติด แล้วก็คลิกกันได้ง่ายขึ้น ส่วนความยาก เป็นเรื่องบทที่ค่อนข้าง Extreme ขึ้นมาก ๆ
โดยครั้งนี้ ก็มีฉากที่ถ่ายยากเกือบทุกตอน และความโชคดีอีกอย่างที่ต้องขอบคุณคนดู และแฟน ๆ ทุกคน คือการยอมเปิดใจทำความรู้จักกับแนนโน๊ะในซีซั่นที่แล้ว ซึ่งในครั้งนี้ เราเลยได้มีโอกาสขยายแนนโน๊ะออกไปมากกว่า 10 รูปแบบ ซึ่งหวังว่าคนดูจะได้เห็นแนนโน๊ะ ในพาเล็ตต์สีที่แรงขึ้น และก็หลากหลายเฉดมากขึ้น
ถึงแนนโน๊ะจะมีการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลายขึ้น แต่เราคิดว่ามีอะไรที่แนนโน๊ะยังคงเหมือนเดิม
คิทตี้-ชิชา : สิ่งที่ยังเหมือนกันกับซีซั่นที่แล้วคือ แนนโน๊ะ น่าจะยังตามหาว่ามีมนุษย์คนนั้นอีกไหม คนที่เลือกจะไม่กินแอปเปิ้ลที่เราหยิบยื่นให้ หรือว่าเลือกจะปามันทิ้ง
แนนโน๊ะยังคงคาดหวังผลลัพธ์ใหม่ ๆ จากมนุษย์เสมอ ไม่เคยตัดใจที่จะเชื่อว่ามนุษย์ สามารถเป็นคนที่แตกต่าง จากสิ่งที่ถูกเหมารวมว่าต้องเป็นแบบนี้แบบนั้นได้ค่ะ
คิดว่าสุดท้ายแล้ว “เด็กใหม่ ซีซั่น 2” ต้องการสื่อสารอะไรกับผู้ชม
คิทตี้-ชิชา : อยากให้คนดูได้ทบทวน และได้เห็นทางเลือกของการตัดสินใจที่เรามีต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มันเกิดขึ้น บางครั้งเราอาจจะอยากให้คนนั้นคนนี้เจออะไรแรง ๆ ให้สาสมกับการกระทำของเขาหรือสาแก่ใจเรา
แนนโน๊ะเลยสร้างความจริงอีกชุดหนึ่ง ให้เราได้เห็นว่า ถ้าสิ่งต่าง ๆ ที่เราอยากให้มันเกิดขึ้นนี้ มันได้เกิดขึ้นจริง ๆ เรายังอยากให้มันเป็นแบบนี้อยู่หรือเปล่า หรือเราแค่รู้สึกแบบนั้น ด้วยความสะใจหรือความโมโห
ความรู้สึกของคิทตี้ที่มีต่อซีรีส์เด็กใหม่
คิทตี้-ชิชา : ซีรีส์เด็กใหม่ เป็นโปรเจกต์ที่มีความเป็นทีมเวิร์กมาก ๆ ผู้กำกับ และทีมโปรดักชั่น เป็นเหมือนอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย อย่างแขนขา ทีมเขียนบทเป็นเส้นเลือด และในซีซั่น 2 มี Netflix เป็นลมหายใจ
ส่วนตัวเราเอง อาจจะเป็นแค่วิญญาณของแนนโน๊ะ ร่างกายเปลือกนอกก็เป็นทีมครีเอเตอร์ที่สร้างมันขึ้นมา แฟน ๆ และคนดูทุกคนเป็นหัวใจ เพราะฉะนั้นแนนโน๊ะ และซีรีส์เรื่องนี้ จึงถูกสร้างขึ้นมาจากผู้คนมากมาย
บทบาท “นะนาย” ของเจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ
เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ (รับบท นะนาย) จาก Episode 1: นักล่าแต้ม (Pregnant)
เจมส์-ธีรดนย์ : ในเรื่องเรารับบทเป็นนะนาย เป็นเด็กบ้านรวย พ่อทำธุรกิจสีเทา เติบโตมาแบบเทา ๆ ตัวนะนายถูกเลี้ยงมาด้วยระบบผู้ชายเป็นใหญ่ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าผู้หญิง ทำผู้หญิงท้องแล้วส่งไปทำแท้งตลอด ไม่มีความรับผิดชอบกับการกระทำของตนเอง
คิดว่าเด็กใหม่ซีซั่น 2 มีอะไรที่พิเศษมากขึ้น และแตกต่างจากซีซั่นแรกอย่างไร
เจมส์-ธีรดนย์ : มีหัวข้อในการพูดใหม่ที่เข้มข้นขึ้น โลกนี้มีประเด็นความไม่ยุติธรรมอยู่มากมาย ดังนั้นในซีซั่น 2 จะหยิบยกมุมใหม่ ๆ มาถ่ายทอด ซึ่งจะเป็นประเด็นที่แตกต่างจากซีซั่นแรกแน่นอน
บทบาท “ครูนฤม” ของต่าย-เพ็ญพักตร์ ศิริกุล
ต่าย-เพ็ญพักตร์ ศิริกุล (รับบท ครูนฤมล) จาก Episode 2: True Love
ต่าย-เพ็ญพักตร์ : รับบทเป็นครูชื่อนฤมล ตัวละครนี้เป็นครูที่เข้มงวด เจ้าระเบียบมาก เธอมีแบบแผนความคิดชัดเจน ว่าเด็กผู้หญิงต้องมีมารยาทเรียบร้อย และประพฤติดี ในฐานะครูเธอจึงเข้มงวด และสั่งสอนนักเรียนหญิงล้วนในโรงเรียนของเธอให้ตั้งใจเรียนเท่านั้น และไม่ควรสนใจเรื่องความรัก เพราะมันเป็นสิ่งไม่ดี
บทบาท “มินนี่” ของแพทริเซีย กู๊ด
แพทริเซีย กู๊ด (รับบท มินนี่) จาก Episode 3 : มินนี่ 4 ศพ (Minnie and the Four Bodies)
แพทริเซีย : เป็นเด็กมัธยมที่ชื่อมินนี่ จะเป็นคนเอาแต่ใจมาก ๆ ลูกคุณหนู พ่อแม่สปอยล์สุด ๆ จนวันหนึ่งไปขับรถชนคนตาย ก็เลยเริ่มมีเรื่องราวพีค ๆ เกิดขึ้น
เคยอยากลองเป็นแนนโน๊ะบ้างไหม
แพทริเซีย : บทแนนโน๊ะเป็นอะไรที่ยากมาก ยังไม่เคยคิดไปถึงจุดนี้เลย เพราะแค่ดูพี่คิทตี้เล่นก็รู้สึกเครียดแทนแล้ว เป็นคาแรคเตอร์ที่เฉพาะมาก ๆ และพี่คิทตี้แสดงออกมาได้ดีมาก ถ้าเราไปเล่นเป็นแนนโน๊ะ เรายังไม่รู้เลยว่าจะทำได้ดีเท่าพี่คิทตี้หรือเปล่า
การกลับมาร่วมงานกับ Netflix อีกครั้งของนิ้ง-ชัญญา แม็คคลอรี่ย์
นิ้ง-ชัญญา แม็คคลอรี่ย์ (รับบท ยูริ) จาก Episode 4 : กำเนิดยูริ (Yuri)
นิ้ง-ชัญญา : ยังตื่นเต้นเหมือนครั้งแรกที่ร่วมงานกันตอนเรื่องเคว้ง และดีใจที่ได้กลับมาร่วมงานกับ Netflix อีกครั้ง เพราะเป็นทีมงานที่มีคุณภาพมาก ๆ และมั่นใจว่าเรื่องนี้จะต้องออกมาดีค่ะ
รู้สึกอย่างไรที่ได้มาร่วมงานกับเด็กใหม่ซีซั่น 2
นิ้ง-ชัญญา : สนุกค่ะ อย่างแรกเลยชอบคาแรคเตอร์ตัวละครที่เราได้รับมาก รู้สึกมีอะไรให้ได้เล่นเยอะ และมีความแตกต่างจากสิ่งที่เคยทำมา การทำงานในเรื่องก็สนุก โดยเฉพาะได้มีโอกาสร่วมงานกับผู้กำกับเก่ง ๆ หลายคน แต่ละคนก็มีวิธีการทำงานที่แตกต่างกันไป ทำให้เราได้เรียนรู้ และได้ประสบการณ์มากขึ้น
บทบาท “ยูริ” ของนิ้ง-ชัญญา
นิ้ง-ชัญญา : คาแรคเตอร์ยูริ เป็นเด็กนักเรียนที่ถูกรังแก เป็นผู้โดนกระทำ แต่มีบางสิ่งบางอย่างทำให้ยูริเปลี่ยนไป เป็นคาแรคเตอร์ที่มีความน่าสนใจ มีพัฒนาการ อยากให้ติดตามกันว่ายูริ จะไปได้สุดถึงขั้นไหน ไม่แน่ว่ายูริอาจจะครองโลกก็ได้
บทบาท “เค” ของเอม-ภูมิภัทร ถาวรศิริ
เอม-ภูมิภัทร ถาวรศิริ (รับบท เค) จาก Episode 5: รับน้อง (SOTUS)
เอม-ภูมิภัทร : ผมรับบทเป็น พี่เค รุ่นพี่นักศึกษาในสถาบันแห่งหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการรับน้องที่เหี้ยมโหด โดยแนนโน๊ะ คงเห็นว่าสถาบันนี้น่าสนใจดี เขาก็เลยมาลองดู
ผมรู้สึกว่าคาแรคเตอร์เค เป็นเพียงผู้เล่นหนึ่ง ภายใต้โครงสร้างอำนาจที่มันฝังรากลึกมาก ๆ อยู่ เคเป็นส่วนหนึ่งของผลผลิตจากโครงสร้างอำนาจ ที่มันกดทับคนอยู่มากมาย
ถ้ามองภาพกว้าง ด้วยโครงสร้างสังคมแบบนี้ สุดท้ายโลกจะสร้างคนแบบเคขึ้นมาเยอะมาก ๆ สิ่งที่แนนโน๊ะควรทำ คือการถอนรากถอนโคนโครงสร้างอำนาจมากกว่า
บทบาท “ครูเอ” ของเมย์-ภัทรวรินทร์ ทิมกุล
เมย์-ภัทรวรินทร์ ทิมกุล รับบท ครูเอ จาก Episode 6: ห้องสำนึกตน (Liberation)
เมย์-ภัทรวรินทร์ : ในเรื่องเราเล่นเป็นครูเอค่ะ เป็นคนที่ไม่มีความรู้สึก แข็งกระด้าง
มีความสุขกับการที่ได้กระทำ หรือทำร้ายคนอื่น รักคนอื่นไม่เป็น
ความรู้สึกที่ได้กลับมาร่วมงานกับปวีณ ภูริจิตปัญญา ผู้กำกับ
เมย์-ภัทรวรินทร์ : พอรู้ว่าผู้กำกับตอนของเราเป็นกอล์ฟ (ปวีณ ภูริจิตปัญญา) ก็มั่นใจมาก เพราะเราเคยทำงานด้วยกันมาตั้งแต่ บอดี้ศพ#19 กอล์ฟเป็นคนเนี้ยบมาก ถ้างานยังไม่ดีจริง ๆ เขาไม่ยอมปล่อยผ่านง่าย ๆ และเขาเป็นคนทำงานที่คิดนอกกรอบ ทุกอย่างที่ออกมาต้องโอเคทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นมุมภาพ แอคติ้ง อารมณ์นักแสดง ทำงานด้วยแล้วรู้สึกสนุกมาก
บทบาท “ครูบี” ของต่าย-ชุติมา ทีปะนาถ
ต่าย-ชุติมา ทีปะนาถ (รับบท ครูบี) Episode 6: ห้องสำนึกตน (Liberation)
ต่าย-ชุติมา : บทครูบี จะเป็นเหมือนลูกน้องครูเออีกที เป็นคนที่พอสถานการณ์ไปทางไหน ก็จะตามไปทางนั้น ไม่ค่อยมีจุดยืนในตัวเอง เป็นบทที่นิ่ง ๆ เฮี้ยบ ๆ ที่สุด ตั้งแต่เราเคยเล่นมา
บทบาท “เจน” ของมินนี่-ภัณฑิรา พิพิธยากร
มินนี่-ภัณฑิรา พิพิธยากร (รับบท เจน) จาก Episode 7 : JennyX
มินนี่-ภัณฑิรา : คาแรกเตอร์เจน ค่อนข้างเด็ก เป็นเด็กใส ๆ คิดน้อย เป็นเน็ตไอดอลด้านการเรียน ไลฟ์สอนทำการบ้าน แต่ลึก ๆ แล้วเจนไม่อยากทำ รู้สึกว่ามันเนิร์ดเกินไป เราอยากไปแซ่บ อยากแต่งตัวสวย
ความรู้สึกหลังได้อ่านบทเป็นครั้งแรก
มินนี่-ภัณฑิรา : ตื่นเต้นค่ะ เพราะไม่รู้ว่าเราจะสามารถเล่นออกมาได้เด็กพอไหม จะไร้สติพอหรือเปล่า จุดเปลี่ยนของเรื่องมันมีอยู่นิดเดียวจริง ๆ ตอนที่แนนโน๊ะแนะนำว่าให้ทำแบบนั้นแบบนี้ ถ้าตัวละครเจนเปลี่ยนความคิดนิดเดียว เปลี่ยนการตัดสินใจเพียงนิดเดียว เรื่องราวตอนนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นเลย
บทบาท “ครูหวาน” ของญารินดา บุนนาค
ญารินดา บุนนาค (รับบท ครูหวาน) จาก Episode 8: อวสานแนนโน๊ะ (The Judgement)
ญารินดา : ในเด็กใหม่ ซีซั่น 2 เรารับบทเป็น ครูหวาน ค่ะ ทำงานเป็นครูอยู่ในห้องพยาบาลของโรงเรียนแห่งหนึ่ง มีลูกชื่อจุนโกะ ซึ่งเป็นเด็กอ่อนแอ ต้องดูแลใกล้ชิดตลอด เป็นทั้งครู และแม่ที่ห่วงลูกมาก
บทบาท “จุนโกะ” ของพลอย ศรนรินทร์
พลอย ศรนรินทร์ (รับบท จุนโกะ) จาก Episode 8: อวสานแนนโน๊ะ (The Judgement)
พลอย : รับบทเป็น จุนโกะ ค่ะ เป็นเด็กนักเรียนที่พูดน้อย อ่อนแอ มีโรคประจำตัว ต้องนั่งรถเข็นตลอด ไม่ค่อยมีเพื่อน มักจะโดนเพื่อนบูลลี่ตลอด เพื่อนก็ชอบแกล้ง ครูก็ไม่รัก เพราะดูไม่เหมือนเด็กคนอื่น ๆ
ดูแปลกประหลาดจากเด็กปกติ จุนโกะก็เลยฝังใจมาตั้งแต่เด็ก ๆ กลายเป็นเด็กเก็บกด เข้าสังคมไม่เป็น และมีแม่เพียงคนเดียว เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เธอรักแม่มาก และเชื่อว่าแม่ก็รักเธอมากเหมือนกัน
การทำงานกับนักแสดงคนอื่น ๆ ในเด็กใหม่ ซีซั่น 2 ของพลอย ศรนรินทร์
พลอย : พลอยได้เวิร์กชอปกับพี่ญารินดา ที่รับบทเป็นแม่ของจุนโกะ ซึ่งพี่เขาเป็นคนที่แสดงเก่งมาก ๆ อยู่แล้ว พอเราได้อยู่กับเขาประมาณชั่วโมงเดียว ก็รู้สึกเลยว่าคอนเน็คกันง่ายมาก ตอนถ่ายทำจริง แค่มองตากันก็น้ำตาเอ่อได้เลย
และพลอยโชคดีที่ได้ร่วมงานกับคนเก่ง ๆ ค่ะ การทำงานกับพี่คิทตี้ก็สนุกมาก เรารู้จักกันมานานแล้ว การแสดงเราก็เลยเข้ากันได้ดีค่ะ ไม่ต้องมาทำความรู้จักใหม่ ทั้งบทแนนโน๊ะ เป็นบทที่เราอยากร่วมงานด้วยอยู่แล้ว พอได้เล่นด้วยกัน ก็เหมือนได้ทำตามฝัน ได้มาเจอแนนโน๊ะตัวจริง สนุกมาก ๆ ค่ะ
ความรู้สึกที่ได้กลับมากำกับซีรีส์เด็กใหม่ ซีซั่น 2 ของไพรัช คุ้มวัน ผู้กำกับ
ไพรัช คุ้มวัน ผู้กำกับเด็กใหม่ ซีซั่น 2
Episode 1: นักล่าแต้ม (Pregnant)
Episode 3: มินนี่ 4 ศพ (Minnie and the Four Bodies)
ไพรัช : ตื่นเต้น เพราะรู้สึกว่าเป็นโปรเจกต์ที่สนุกตั้งแต่ซีซั่นแรกแล้ว พอมาซีซั่น 2 เราพอจะเดาได้ล่วงหน้า ว่าการทำงานมันต้องสเกลใหญ่ขึ้น มีอะไรให้โชว์ ให้เล่นได้มากขึ้น และอีกอย่าง รู้สึกว่าซีรีส์เด็กใหม่ เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ผู้กำกับ ได้โชว์ไอเดียของตัวเองค่อนข้างเยอะ
ความท้าทายในการกำกับซีรีส์เด็กใหม่ซีซั่น 2 ของคมกฤษ ตรีวิมล ผู้กำกับ
คมกฤษ ตรีวิมล ผู้กำกับเด็กใหม่ ซีซั่น 2
Episode 2: True Love
Episode 5: รับน้อง (SOTUS)
Episode 8: อวสานแนนโน๊ะ (The Judgement)
คมกฤษ : ตอนทำซีซั่น 1 มันมีความท้าทายในส่วนของตัวละครค่อนข้างมาก เรื่องนี้ให้อารมณ์ที่ต่างจากงานก่อน ๆ ที่เคยทำมา ผมได้เห็นคิทตี้หลังจากเวิร์กชอปตัวละครตัวนี้ เขาตีความตัวละครได้สดใหม่ มีความแฟนตาซีสูงมาก
ตรรกะต่าง ๆ ไม่เหมือน Common Sense ที่เราคุ้นเคย เราไม่สามารถใช้เหตุผลกับตัวละครตัวนี้ได้เลย แล้วยังมีประเด็นสังคมในแต่ละตอน ที่อาจจะดูรุนแรงไปบ้าง แต่มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคม แค่ไม่เคยมีใครนำเสนอมันออกมาตรง ๆ
ซึ่งเราต้องทำงานภายใต้ข้อจำกัดต่าง ๆ ให้มันฉายในประเทศไทยได้ด้วย อย่างซีซั่น 2 ก็ท้าทายมากขึ้น ด้วยความที่บางประเด็นมันดาร์กกว่าเดิม แต่ก็จะมีรสชาติบางอย่างที่แตกต่างออกไป มีอะไรเซอร์ไพรส์คนดูได้อีก
แก่นของเด็กใหม่ ซีซั่น 2 EP.4 จากสิทธิศิริ มงคลศิริ ผู้กำกับ
สิทธิศิริ มงคลศิริ ผู้กำกับเด็กใหม่ ซีซั่น 2
Episode 4: กำเนิดยูริ (Yuri)
สิทธิศิริ : เนื้อหาใน EP.4 แสดงให้เห็นถึงเรื่องของชนชั้น การรังแก การกดขี่ ไปจนถึงการอยากได้อยากมี และในภาพรวมของซีรีส์เด็กใหม่ ซีซั่น 2 คือมันมีการสื่อสารเรื่องราว หรือประเด็นอะไรที่เกิดขึ้นในสังคม
มันมีแง่มุมที่มองได้หลายแบบ และเราจะมีวิธีการรับมือ จัดการ หรือรู้สึกกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร อย่างวิธีของแนนโน๊ะในเด็กใหม่ซีซั่น 2 ก็เป็นอีกวิธีคิดหนึ่ง ซึ่งอาจจะถูกหรือผิดก็ได้ ต้องลองติดตามกัน
ความท้าทายในการกำกับซีรีส์เด็กใหม่ ซีซั่น 2 EP.6 ของปวีณ ภูริจิตปัญญา ผู้กำกับ
ปวีณ ภูริจิตปัญญา ผู้กำกับเด็กใหม่ ซีซั่น 2
Episode 6: ห้องสำนึกตน (Liberation)
ปวีณ : ท้าทายมาก ๆ ครับ เพราะเขาทำมาไว้ดีมาก ๆ เราเหมือนเป็นเด็กใหม่คนเดียว ที่เข้ามากำกับซีซั่นสอง ต้องพยายามทำความเข้าใจแก่นหลักของเรื่อง ของตัวละคร เพื่อให้แก่นของเรื่องยังคงเดิม และก็พยายามสอดแทรกไอเดียใหม่ ๆ ที่ซีรีส์นี้ไม่เคยทำมาก่อนด้วยครับ
คอนเซปต์ของเด็กใหม่ ซีซั่น 2 EP.7 จากจตุพงศ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์ ผู้กำกับ
จตุพงศ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์ ผู้กำกับเด็กใหม่ ซีซั่น 2
Episode 7: JennyX
จตุพงศ์ : เด็กใหม่ ซีซั่น 2 EP.7 คอนเซปต์มันเกี่ยวกับคนที่ไม่รู้จักตัวเอง ไม่เห็นตัวเอง ซึ่งไม่มีใครผิดหรือถูกนะ โลกมันหมุนเร็วจนเราเห็นตัวเองจากคนอื่นมากกว่า เราไม่มีเวลานั่งครุ่นคิดอยู่กับตัวเองมากพอ จนตกผลึก
เราขาดสติ ไหลไปตามกระแสสังคม และคนรอบตัว ผมคิดว่ามันเหมือนเวลาเราแสดงอยู่บนเวที แล้วแสงสปอตไลท์สว่างจ้า มันส่องมาที่เรา จนเรามองไม่เห็นคนรอบ ๆ มองไม่เห็นคนดู แล้วเราก็ถามตัวเองว่า ทำไมเหงาจัง ทำไมไม่เห็นใครอยู่ข้างเราเลย
แล้วพอมีคนอย่างแนนโน๊ะมาสะกิด มาชักจูง มันจะเกิดอะไรขึ้น สังคมเราตอนนี้มันขาด Critical Thinking เน็ตไอดอลทั้งแบบมีสติ และไม่มีสติ ถูกสังคมอุ้มชูขึ้นมา
การเป็นคนดังเป็นไอดอลมันมี Privilege ของมันอยู่แหละ แต่ถ้าหากคน ๆ นั้นไม่โตพอ ไม่มีวุฒิภาวะพอ ไม่รู้เท่าทันสังคมออนไลน์มากพอ และไม่มีวิธีจัดการที่ดี มันก็ย้อนกลับมาทำร้ายเขาได้เหมือนกัน
ขอบคุณภาพจากสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
การหยิบยกเหตุการณ์จริงมานำเสนอในซีรีส์เด็กใหม่ ซีซั่น 2 ของคงเดช จาตุรันต์รัศมี ผู้เขียนบท
คงเดช จาตุรันต์รัศมี ผู้เขียนบทซีรีส์เด็กใหม่
คงเดช : ในเด็กใหม่ ซีซั่น 2 ได้มีการหยิบยกเหตุการณ์จริงที่เป็นข่าว มานำเสนอ ส่วนเหตุผลที่เราเลือกจะนำเสนอเหตุการณ์เหล่านี้ มันเป็นคอนเซปต์ของแนนโน๊ะ และซีรีส์เด็กใหม่อยู่แล้ว เพราะมันจะต้องสะท้อนอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นในสังคม
ดังนั้น ตั้งแต่ซีซั่นแรก เราก็ได้แรงบันดาลใจมาจากข่าวต่าง ๆ อยู่แล้ว พอมาในซีซั่น 2 เราก็ใช้รูปแบบเดิม แต่อย่างที่บอกว่ามันมีประเด็นที่ร่วมสมัยมากขึ้น และเราก็ไม่นำมาเสนอตรง ๆ เรานำมาเป็นแรงบันดาลใจ และมีการครีเอทสถานการณ์ต่าง ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติมลงไปอีก
ทั้งสุดท้ายแล้ว เราอยากให้แนนโน๊ะ และเด็กใหม่ ซีซั่น 2 ทำให้ผู้คนได้ตระหนักว่ามันมีบางอย่างที่ไม่ปกติ เกิดขึ้นในสังคม แล้วเริ่มตั้งคำถาม และลองคิดดูว่าถ้ายังมีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเรื่อย ๆ มันจะส่งผลอะไรบ้าง