Thursday, October 5, 2023
More

    ฮวาเหลียน ความงามที่รอการค้นพบ

    ฮวาเหลียนเป็นเมืองท่าและดินแดนฝั่งตะวันออกของประเทศไต้หวันที่คนไทยยังไม่ค่อยคุ้นหูมากนัก อาจเนื่องจากยังไม่มีสายการบินใดจากประเทศไทยบินตรงไปถึง ด้วยเหตุนี้สายการบินไทยเวียตเจ็ทที่มีเที่ยวบินสู่ไต้หวันหลายจุดหมาย จึงจัดกิจกรรมนำ BLT ไปสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวเมืองฮวาเหลียน ที่ยังเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์งดงาม

    ฮวาเหลียน (Hualien)

    เมืองฮวาเหลียนเป็นแหล่งรวมสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามหลายแห่ง โดยในปี ค.ศ. 1590 ทหารเรือโปรตุเกสได้แล่นเรือผ่านชายฝั่งตะวันออกของไต้หวันและรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากกับทัศนียภาพอันงดงามน่าอัศจรรย์ โดยในสมัยนั้นเรียกไต้หวันว่า “Formosa” หรือเกาะแสนงาม และทำให้เมืองฮวาเหลียนแห่งนี้ กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความงดงามของไต้หวันนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ส่วนชื่อเมืองฮวาเหลียนในปัจจุบัน มาจากคำว่า “หุ้ยหลัน (Huilan)” ซึ่งแปลว่าน้ำวน เนื่องจากแม่น้ำฮวาเหลียนในช่วงที่จะไหลออกสู่ทะเลจะมีลักษณะหมุนวนนั่นเอง


    ฮวาเหลียนยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน ด้วยพื้นที่กว่า 4,628 ตร.กม. ประชากร 350,000 คน ด้านตะวันออกติดมหาสมุทรแปซิฟิกและโอบล้อมด้วยแนวเขาตอนกลางไล่ไปจนถึงฝั่งตะวันตก โดยมีจุดเด่นด้านการสถานที่ท่องเที่ยวคือ การชมวิวบนหอคอย ท้องฟ้าคราม วิวชายทะเลและทิวเขาสลับซับซ้อน ความหลากหลายทางวัฒนธรรม และผู้คนที่เป็นมิตร ความอุดมสมบูรณ์นี้ทำให้เมืองฮวาเหลียนถูกจัดให้เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ

    การเดินทางมายังเมืองฮวาเหลียน ได้แก่ ทางเครื่องบิน รถส่วนตัว และรถไฟสายทาโรโกะ ไทเป – ฮวาเหลียน ซึ่งให้บริการ 6-7 ขบวนต่อวัน

    หาดชีซิงถัน (QiXing Tan Beach)

    หาดชีซิงถัน หริอทะเลสาบเจ็ดดาวอยู่ในเขตหมู่บ้านเป่ยผู (Beipu Village) ชุมชนซินเชง (Xincheng Township) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองฮวาเหลียน เป็นชายหาดก้อนกรวด เหมาะสำหรับเดินเล่นพักผ่อน ไม่เหมาะสำหรับการลงไปว่ายน้ำเล่น เพราะเป็นทะเลน้ำลึก บริเวณชายหาดมีโค้งเว้าที่สวยงามและน้ำสีฟ้าใสสะอาด เรียงรายด้วยก้อนหินที่มีผลึกสีดำใส โอบล้อมด้วยทิวเขาสีเขียวชอุ่มและถนนไฮเวย์พาดผ่าน ถ้าใครที่ผ่านไปแถวนั้นขอแนะนำอาหารซีฟู้ด ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความสด โดยจานไฮไลท์คือ ปลาพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นปลาน้ำลึก มีแค่ในฮวาเหลียน และไถตงเท่านั้น 

    อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ (Taroko National Park) 

    อุทยานแห่งชาติทาโระโกะ หรือ ไทหลู่เก๋อ (Taroko National Park) เป็นอุทยานแห่งชาติใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไต้หวัน ขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานแห่งชาติในปี ค.ศ. 1986 ครอบคลุมเมืองฮวาเหลียน (Hualien) หนานโถว (Nantou) และไถจง (Taichung) โดยมีชื่อเสียงจากภูมิประเทศแบบภูเขาและแคนยอนที่สวยงามไปตามแม่น้ำหลี่วู่ (Liwu River) เนื่องจากเกาะไต้หวันเกิดจากการชนกันของแผ่นเปลือกโลกเมื่อ 4 ล้านปีก่อน หลังจากนั้นได้ถูกกระแสลมกัดเซาะ จนเกิดเป็นแนวหินอ่อนและเมื่อแม่น้ำหลี่วู่ไหลตัดผ่าน ทำให้เกิดทัศนียภาพของแคนยอนที่สวยงาม ทำให้เกิดทัศนียภาพของแคนยอนที่สวยงาม โดยความสูงของหน้าผาชิงสุ่ย (Qingshui) ไปถึงยอดเขาหนานหู (Nanhu Peak) สูงถึง 3,742 เมตร อุทยานทาโรโกะ ได้รับการยอมรับว่าเป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพของภูเขาและแก่งหินอ่อนที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ และเต็มไปด้วยพรรณพืชและสัตว์นานาชนิด  จุดเด่นของอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ ได้แก่ น้ำตกไบหยาง (Baiyang Waterfall) น้ำตกหยินได (Yindai Waterfall) น้ำตกฉางชุน (Changchun Waterfall) และน้ำตกหลู่ซุ่ย (Lushui Waterfall) โดยมีจุดชมวิวที่น่าสนใจคือถ้ำ Swallow Grotto และ Tunnel of Nine Turns ซึ่งเป็นจุดที่ช่องแคบของแคนยอนมีระยะแคบที่สุด นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมภูมิประเทศได้อย่างเพลิดเพลิน และเยี่ยมชมอนุสรณ์ทาโรโกะ และวัดฉางชุน ได้อีกด้วย

    กิจกรรมล่องเรือชมวาฬ และโลมา (Whale and Dolphin Watching)

    ทะเลฝั่งตะวันออกของไต้หวันเป็นจุดที่เกิดกระแสน้ำอุ่นคุโรชิโอ (Kuroshio) ซึ่งเป็นกระแสน้ำอุ่นที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมในมหาสมุทรแอตแลนติก โดยกระแสน้ำอุ่นคุโรชิโอทำให้เกิดการอพยพของฝูงปลาหลายชนิด จึงเป็นแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ของโลมาและวาฬ ที่จะมาหากินบริเวณชายฝั่งเมืองฮวาเหลียนเป็นประจำทุกปี โดยช่วงที่มีปลามากที่สุดคือช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ซึ่งทะเลจะค่อนข้างสงบและมีคลื่นลมน้อย การเดินทางไปดูวาฬใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง หากโชคดีจะได้เห็นโลมาขึ้นมาทักทายเรือนักท่องเที่ยวจากทุกทิศทุกทางอีกด้วย นับเป็นโอกาสการสำรวจชีวิตสัตว์ยักษ์แห่งท้องทะเลในระยะใกล้ที่หาได้ยากยิ่ง

    ศาลเจ้าชิงซิ่วเยี่ยน (Qing-Xiu Temple)

    ศาลเจ้าชิงซิ่ว เป็นศาลเจ้าญี่ปุ่น เมื่อ 100 ปีที่แล้ว สมัยที่ญี่ปึ่นเข้ามาปกครองไต้หวัน ชาวญี่ปุ่นจากหมู่บ้านโยชิโนะ จ.โทกุชิมะ มาตั้งหมู่บ้านที่นี้  และสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นมาในปี 1917 เพื่อเป็นศูนย์รวมของชาวบ้าน จุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้ คือ มีพระพุทธรูปหิน 88 องค์ นิกายชินงอน สายโคนะ ซึ่งผู้ที่เป็นคนริเริ่มสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ได้เดินทางไปอัญเชิญพระพุทธรูปหินมาจากวัดในญี่ปุ่นถึง 88 แห่ง เพื่อนำมาประดิษฐานที่ศาลเจ้า ส่วนสถาปัตยกรรมด้านในจะเป้นสไตล์ญี่ปุ่นขนานแท้ กล่าวถึงเทพเจ้า 5 องค์

    สวนอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมฮวาเหลียน (Hualien Cultural Creative Industries Park)

    ครีเอทีฟอินดัสเทรียลเซ็นเตอร์แห่งนี้มีอายุเก่าแก่มานับร้อยปี ครอบคลุมพื้นที่ 33,000 ตร.ม. โดยตั้งอยู่ในย่านกลางเมืองฮวาเหลียน ในอดีตเป็นส่วนหนึ่งของโรงงานผลิตไวน์ โดยในปี ค.ศ. 1988 โรงงานทั้ง 26 แห่งในสวนแห่งนี้ได้ปิดตัวลง และปัจจุบันได้ถูกปรับปรุงให้เป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการแก่สาธารณะและศูนย์รวมอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ของเมือง สวนแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ตั้งของตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเขตชายฝั่งตะวันออก โดยเปิดขายในวันพุธถึงวันเสาร์แก่นักท่องเที่ยวและผู้คนทั่วไป โดยอาคารฝั่งตะวันตกของสวนซึ่งเคยใช้เป็นโกดังเก็บสินค้าในอดีต ก็ได้ถูกบูรณะให้กลายเป็นร้านค้าปลีกซึ่งจำหน่ายสินค้าหายาก อาทิ ผ้าทอญี่ปุ่น เป็นต้น

    อาคารบริเวณกลางสวนซึ่งในอดีตเคยเป็นโรงบรรจุหีบห่อ ได้ถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่จัดแสดงวงดนตรีสดและงานแสดงเชิงศิลป์ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ไวน์ (ภายในอาคารที่เคยใช้เป็นโรงหมักไวน์) ให้นักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนหย่อนใจ พร้อมสัมผัสถึงประวัติศาสตร์การผลิตไวน์ในอดีต สำหรับฟากตะวันออกของสวนเป็นส่วนแสดงนิทรรศการ ซึ่งเดิมเคยเป็นอาคารหอพักคนงานที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1928 – 1933 เป็นลักษณะอาคารทรงญี่ปุ่น 13 หลังที่ชวนให้นึกถึงกลิ่นอายแห่งอดีตของโรงงานแห่งนี้