ผลตอบรับจากนโยบายยกเลิกการแจกถุงพลาสติกในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อได้รับการตอบรับหลากหลายจากภาคประชาชนและผู้ประกอบโดยกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกได้รับผลกระทบมากที่สุดล่าสุดยื่นข้อเสนอต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้น
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กว่า 10 บริษัท เกี่ยวกับผลกระทบ จากมาตรการยกเลิกการแจกถุงพลาสติก หลังพบกลุ่มผู้ประกอบการ ผลิตถุงพลาสติกหูหิ้วได้รับผลกระทบจากการเลิกใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว ที่มีความหนาน้อยกว่า 36 ไมครอน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา แบ่งเป็น สมาชิกสมาคมอุตสาหกรรมพลาสติก 86 บริษัท และผู้ประกอบการผลิตถุงพลาสติก 47 ราย ได้รับผลกระทบ 24,308.33 ล้านบาท ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการได้มีข้อเสนอต่อภาครัฐเพื่อเป็นทางออกให้กับผู้ประกอบการและเป็นทางเลือกให้กับประชาชนผู้บริโภค
ข้อเสนอ ได้แก่ 1. “ขอให้ใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว ที่มีความหนากว่า 36 ไมครอนเป็นทางเลือกใช้ทดแทนถุงแบบบาง หรือ ก๊อปแก๊ป” โดยจะผลิตถุงหูหิ้วที่มีความหนาอย่างน้อย 40 ไมครอนขึ้นไป หรือ ถุงขนาด 8 นิ้วขึ้นไป สามารถทดแทนและรวมถุงขนาดเล็กต่างๆให้เป็นใบเดียวได้ ช่วยลดการใช้ถุงพลาสติกขนาดเล็กต่างๆในท้องตลาดลง และรวบรวมเก็บกลับไปรีไซเคิลได้ง่ายและขายได้กิโลกรัมละ 10 บาท โดยสมาคมพลาสติกจะทำการรับซื้อถุงพลาสติกใช้แล้วที่สะอาดกลับเข้าโรงรีไซเคิล
2. “กำหนดสัญลักษณ์และสีสัญลักษณ์สำหรับถุงพลาสติกแต่ละชนิดให้ชัดเจนรวมถึงมีข้อความสื่อสารบนถุงชัดเจนเพื่อการคัดแยกขยะ” แบ่งเป็น ถุงพลาสติกสลายตัวได้ทางชีวภาพ ถุงสีธรรมชาติ สีขาวขุ่น และมีสัญลักษณ์สีเขียวบนถุง พร้อมข้อความกำกับถุงสลายตัวได้ทางชีวภาพ และทิ้งลงถังขยะอินทรีย์สีเขียว และถุงพลาสติกรีไซเคิลได้ มีสัญลักษณ์รีไซเคิลสีเหลือง พร้อมข้อความกำกับถุงพลาสติกรีไซเคิลได้ และทิ้งลงถังขยะรีไซเคิลสีเหลือง
3. “จัดทำมาตรฐาน มอก. สำหรับถุงหูหิ้วพลาสติกที่รีไซเคิลได้และถุงขยะอินทรีย์ย่อยสลายได้” เพื่อให้เป็นมาตรฐานบังคับใช้ภายใน 2 ปี
4. “จัดทำ Drop Point สำหรับถุงพลาสติกรีไซเคิลได้” โดยสมาคมพลาสติกและสมาคมผู้ค้าปลีกจะทำจุด Drop Point สำหรับถุงพลาสติกที่รีไซเคิลได้แล้วให้นำถุงพลาสติกเหล่านั้นกลับมารีไซเคิล ซึ่งสมาคมพลาสติกจะรับซื้อกิโลกรัมละ 10 บาท เป็นการนำร่องการนำถุงพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่อีกครั้ง
โดยภาครัฐจะนำข้อเสนอเหล่านี้ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณา ถึงความเหมาะสมดังกล่าวต่อไป
