จากข้อมูลปริมาณการค้นหาราคาหน้ากากอนามัยบนเว็บไซต์ Priceza.com ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 11 กุมภาพันธ์ 2563 พบว่าปริมาณความต้องการสินค้าหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียวกันระหว่างปี 2562 และ ปี 2563 เพิ่มขึ้นถึง 690% สะท้อนปริมาณความต้องการมหาศาลของตลาดได้เป็นอย่างดี สวนทางกับปริมาณสินค้าที่มีไม่พอขายในตลาด แม้กระทรวงอุตสาหกรรมจะขอความร่วมมือจาก 10 โรงงานผลิตหน้ากากอนามัยที่ใหญ่ที่สุดในไทย ให้เร่งผลิตใช้ภายในประเทศอย่างเต็มกำลัง บางแห่งผลิตติดต่อกันตลอด 24 ชั่วโมง รวมแล้วกว่า 100 ล้านชิ้นแต่ดูเหมือนว่ามันก็ยังไม่เพียงพอที่จะให้ร้านค้าปลีกซื้อมาขายให้ผู้บริโภคได้
จากการสำรวจราคาล่าสุด จากร้านค้าออนไลน์ที่มีสินค้าพร้อมขายบน Priceza.com ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 พบว่าราคาหน้ากากอนามัยต่อกล่องบรรจุขนาด 50 ชิ้น สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 10 เท่า, มีราคาขายปลีกเป็นรายชิ้นต่ำสุดชิ้นละ 6 บาท, ราคาสูงสุดชิ้นละ 15 บาท
ตัวอย่าง ราคาหน้ากากอนามัย Dura แบบ 3 ชั้น กล่องบรรจุ 50 ชิ้น จากร้านค้าออนไลน์บนไพรซ์ซ่าดอทคอม จากประวัติราคาสินค้าที่เก็บมาในปี 2562 จะอยู่ที่ 45 – 60 บาทต่อกล่อง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับราคา ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 ราคาในตอนนี้พุ่งไปสูงสุดถึงกล่องละ 120 – 650 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่ากันเลยทีเดียว
โดยสาเหตุที่ทำให้ราคาเพิ่มไปได้ขนาดนี้ส่วนหนึ่งน่าจะมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานที่หมายรวมต้นทุนทั้งเรื่องทรัพยากรและแรงงานที่สูงขึ้นเลยส่งผลให้จำเป็นต้องขายราคาที่สูงขึ้นตามไปเพื่อรักษาสมดุลของกำไร
ค้าปลีกไม่มีของขายร้านออนไลน์สต็อคเต็ม
หนึ่งสิ่งที่แปลกมากคือ ในขณะที่ร้านค้าปลีก ร้านขายยา หรือร้านสะดวกซื้อต่างๆ แทบจะหาสินค้ามาขายไม่ได้ แต่บรรดา ร้านค้าออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นร้านบน Shopee Lazada หรือว่าร้านค้าบนโซเชียลมีเดียเช่นเฟซบุ๊กกลับมีสต็อคสินค้าพร้อมขายเป็นจำนวนมากและขายในราคาที่สูงมากด้วยเช่นกันเลยเกิดเป็นสมมุติฐานว่าน่าจะมีการกักตุนสินค้าเกิดขึ้น
ผู้เขียนเลยได้ลองไปสำรวจตาม กลุ่มซื้อ–ขายหน้ากากอนามัยบนเฟซบุ๊กและในทวิตเตอร์
ย้อนไปดูตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมในช่วงไวรัสเริ่มระบาด พบว่า ราคาที่ถูกโพสต์ขายสินค้ามีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ และเริ่มมีการรับซื้อสินค้าหน้ากากอนามัยในหลักหมื่น หลักแสน ไปกระทั่งจนถึงหลักล้านชิ้น ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคมเป็นต้นมา
แล้วผู้ซื้ออย่างเราควรทำอย่างไรไปซื้อที่ไหนได้บ้าง
สำหรับคนที่ไม่สามารถหาซื้อตามร้านขายยาหรือร้านสะดวกซื้อแถวบ้านได้แล้วคาดหวังจะไปที่โรงงานผลิตหน้ากากอนามัยขอให้หยุดความคิดนั้นได้เลยเพราะจากการสอบถามโรงงานที่ผลิตหน้ากากอนามัยในประเทศส่วนใหญ่เค้าจะมีสัญญาซื้อกับบริษัทรับซื้ออยู่แล้วและไม่มีนโนบายขายปลีกให้หน้าโรงงาน
ในเบื้องต้นหากหน้ากากอนามัยไม่มีขาย เราสามารถใช้ หน้ากากผ้า เพื่อป้องกันโรคในเบื้องต้นได้ แม้ประสิทธิภาพการกันไวรัสจะน้อยกว่าแบบปกติ แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรมาใช้เลย อีกทั้งข้อดีของหน้ากากผ้ายังสามารถซักล้างเอากลับมาใช้ใหม่ได้เรื่อย แต่! ต้องซักให้สะอาดหรือแช่น้ำยาฆ่าเชื้อเพราะตามธรรมชาติไวรัสชนิดนี้จะติดต่อจากละอองฝอยจากการจามหรือไอพูดง่ายๆว่าถ้าเราหลีกเลี่ยงไม่ให้สัมผัสการไอการจามได้เราก็จะไม่ติดโรคแต่สำหรับใครที่จำเป็นต้องใช้จริงๆเช่นจำเป็นต้องเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงจำเป็นที่ต้องอยู่ใกล้คนที่เสี่ยงคงต้องจำใจถูกมัดมือชกซื้อจากร้านออนไลน์ที่ตอนนี้มีสต็อคอยู่เยอะมากในราคาสูงอยู่ดี
นอกจากหน้ากากอนามัยแล้ว ยังมี เจลล้างมือ สินค้าที่กำลังประสบปัญหาความต้องการสูง และราคาพุ่ง เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะ เจลล้างมือแบบพกพา ที่แทบจะขาดตลาด ณ ตอนนี้ ก็มียอดค้นหาเพิ่มขึ้นมากขึ้นถึง 6,110% และมีราคาสูงขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วสูงสุดถึง 5 เท่า
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าจะจบลงเมื่อไหร่ แต่ในตอนนี้ผู้บริโภคยังคงต้องแบกรับภาระด้านราคาหน้ากากอนามัย หรือเจลล้างมือ ที่สูงมาก ไปอีกสักพักใหญ่ๆ ทั้งนี้การหาสินค้าทดแทน อาทิ หน้ากากผ้า หรือเจลล้างมือแอลกอฮอลล์ทำเองมาใช้ ก็พอจะช่วยลดรายจ่ายในส่วนนี้ลงได้บ้าง