กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผย มะม่วงสด เป็นสินค้าดาวเด่น ทำยอดส่งออกสูงสุดในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2563 แม้เกิดวิกฤตโควิด-19 โดยมีปริมาณ 5.7 หมื่นตัน ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
มะม่วงไทยสินค้าดาวเด่น แม้อยู่ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า มะม่วงสดของไทยเป็นหนึ่งในสินค้าดาวเด่นมาแรง สามารถทำยอดส่งออกได้ดี แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 โดยในช่วง 5 เดือนของปี 2563 (มกราคม – พฤษภาคม) ไทยส่งออกมะม่วงสดปริมาณ 5.7 หมื่นตัน คิดเป็นมูลค่า 41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562
โดยการส่งออกไปยังตลาดอาเซียน มีการขยายตัวโดดเด่นสุด โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 37.5% ของการส่งออกทั้งหมด คิดเป็นมูลค่า 15.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 143% ซึ่งตลาดส่งออกหลัก อาทิ มาเลเซีย เวียดนาม และ สปป.ลาว นอกจากนี้ยังมีจีนที่นิยมมะม่วงสดจากประเทศไทย มีมูลค่าส่งออก 5.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่ม 71% ขณะที่การส่งออกไปยังฮ่องกง มีมูลค่า 8.5 แสนเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 196%
ไทยขึ้นแท่นผู้ส่งออกมะม่วงอันดับ 1 ของอาเซียน
ปัจจุบันไทยครองแชมป์ผู้ส่งออกมะม่วงสดอันดับ 1 ในอาเซียน และเป็นอันดับ 7 ของโลก โดยในปี 2562 ไทยส่งออกมะม่วงสดไปตลาดโลกมูลค่า 59 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และส่งออกไปประเทศที่มีเอฟทีเอ มูลค่า 57 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น 96% ของการส่งออกมะม่วงสดทั้งหมด
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบสถิติมูลค่าการส่งออกมะม่วงสดของไทยไปประเทศคู่เอฟทีเอในปี 2562 กับปี 2535 ซึ่งเป็นปีก่อนที่ความตกลงเอฟทีเอฉบับแรกของไทยกับอาเซียนจะมีผลบังคับใช้ พบว่ามูลค่าการส่งออกมะม่วงสดเพิ่มสูงขึ้นถึง 4,920% และหากแยกรายตลาด พบว่ามีอัตราการเติบโตสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะอาเซียนเพิ่ม 1,000% จีนเพิ่ม 1,365,775% เมื่อเทียบกับปี 2545 ก่อนจีนยกเลิกภาษีนำเข้าภายใต้เอฟทีเออาเซียน–จีน และเกาหลีใต้ เพิ่ม 4,824% เมื่อเทียบกับปี 2552 ก่อนเกาหลีใต้ลดภาษีนำเข้าภายใต้เอฟทีเออาเซียน–เกาหลีใต้
ประเทศคู่เจรจาเอฟทีเอ 15 ประเทศ ยกเว้นเก็บภาษีนำเข้ามะม่วงสดจากไทย
สำหรับปัจจัยที่ทำให้มะม่วงไทย มีการส่งออกได้ดี นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม เปิดเผยว่า นอกจากที่ไทยเป็นแหล่งปลูกมะม่วงพันธุ์ดี มีคุณภาพ และรสชาติดี จึงเป็นที่นิยมในตลาดต่างประเทศแล้ว ความต้องการมะม่วงในตลาดของประเทศที่อยู่ในความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ยังเป็นปัจจัยสำคัญ
ซึ่งประเทศคู่เจรจาเอฟทีเอ 15 ประเทศได้มีการยกเว้นเก็บภาษีนำเข้ามะม่วงสดจากไทยแล้ว ประกอบด้วย สมาชิกอาเซียน 7 ประเทศ (อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บรูไน เวียดนาม พม่า และมาเลเซีย) จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ชิลี และเปรู เหลือเพียง 3 ประเทศที่ยังเก็บภาษีนำเข้าจากไทย ได้แก่ สปป.ลาว และกัมพูชา เก็บภาษีนำเข้า 5% และเกาหลีใต้ เก็บภาษีนำเข้า 24%
หลายประเทศเข้มงวดการใช้สารพิษ รวมถึงผู้บริโภคนิยมผลไม้ปลอดสารพิษหรือเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม นอกจากแต้มต่อจากเอฟทีเอแล้ว ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการรักษามาตรฐานสินค้าและพัฒนาคุณภาพการผลิตอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่การเพาะปลูก การบรรจุหีบห่อ การมีใบรับรองสุขอนามัยพืช รวมทั้งระมัดระวังการใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลง เนื่องจากปัจจุบันหลายประเทศเข้มงวด และผู้บริโภคนิยมผลไม้ปลอดสารพิษหรือเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น