เพราะห้องครัวคือห้องแห่งความอบอุ่นที่สมาชิกทุกคนในบ้านต่างก็มาใช้เวลาร่วมกัน ซึ่งหากบ้านไหนปล่อยให้ห้องครัวรกจากข้าวของที่วางระเกะระกะ รับรองได้ว่าห้องครัวบ้านหลังนั้นจะต้องถูกทิ้งร้าง ไม่มีใครเข้ามาใช้งานจนทำให้ต้องเสียพื้นที่ในบ้านไปแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ การเลือกทำตู้เก็บของห้องครัวเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกดี ๆ ที่หลาย ๆ คนเลือกใช้เพื่อช่วยให้ห้องครัวกลับมาเป็นห้องที่อบอุ่นสำหรับทุกคนในบ้านอีกครั้งหนึ่ง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น การเลือกทำตู้เก็บของห้องครัวนั้น ก็ยังมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องใส่ใจให้ดี
เพราะถ้าหากไม่เช็กหรือเลือกให้ดีแล้ว ไม่แน่ว่าการมีตู้เก็บของก็อาจทำให้ครัวรกและไม่น่าใช้งานยิ่งกว่าเก่าก็เป็นได้ ซึ่งหากใครกำลังชั่งใจอยู่ว่าจะติดตั้งตู้เก็บของสำหรับห้องครัวอย่างไรให้เหมาะกับบ้านอย่างแท้จริง วันนี้เรามาพร้อมกับ 3 ปัจจัยสำคัญที่ทุกคนต้องพิจารณาให้ดี ก่อนตัดสินใจทำตู้เก็บของในห้องครัว บอกเลยว่า อ่านจบพร้อมพิจารณาไปพร้อมกัน ทุกคนสามารถเลือกตู้ให้เข้ากับบ้านได้ทันที แล้วปัจจัยทั้ง 3 จะมีอะไรบ้าง มาดูไปพร้อมกันได้เลย
ปัจจัย 1 : เช็กพื้นที่ใช้สอย
เจ้าของบ้านหลาย ๆ คนอาจมองว่า การยิ่งมีตู้เก็บของห้องครัวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นการจัดสรรพื้นที่ห้องครัวได้ดีเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การมีตู้เก็บของที่มากเกินความจำเป็นนั้น อาจทำให้การหยิบใช้สอยของในตู้เป็นไปอย่างลำบาก อีกทั้งยังอาจทำให้มีตู้เหลือมากเกินความจำเป็น และทำให้ฝาผนังห้องดูทึบและรกได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหานี้ เจ้าของบ้านทุกคนต้องมานั่งพิจารณาให้ดีแล้วว่า ห้องครัวมีพื้นที่เท่าไหร่ เราต้องการนำของประเภทไหนไปไว้บนตู้เก็บของบ้าง และที่สำคัญ ยังต้องดูให้ดีว่าห้องครัวนั้นมีความสูงเท่าไหร่ เพราะถ้าหากไม่ดูให้ดี ไม่แน่ว่าอาจได้ตู้เก็บของห้องครัวที่ขนาดไม่พอดีกับความสูงห้อง และทำให้ห้องครัวทึบมากกว่าเดิมก็เป็นได้
ปัจจัย 2 : เลือกวัสดุสำหรับทำตู้เก็บของห้องครัว
เมื่อพูดถึงห้องครัวแล้ว ความปลอดภัยในการจัดเก็บของเข้าตู้เก็บของห้องครัวนั้นสำคัญไม่แพ้กับความปลอดภัยในการทำอาหารเลยทีเดียว เพราะถ้าหากเราเลือกวัสดุของตู้เก็บของไม่ดี และใส่ข้าวของเข้าไปในปริมาณที่มาก ไม่แน่ว่าตู้อาจพังลงมาจนทำให้บาดเจ็บ และสิ่งของเสียหายได้
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อตู้จากที่ใดที่นึง เราอยากขอให้เจ้าของบ้านทุกคนลองสละเวลามาศึกษาคุณสมบัติของวัสดุแต่ละชนิด รวมถึงลองทดสอบความแข็งแรงให้ดีก่อนตัดสินใจ โดยวัสดุการทำตู้เก็บของห้องครัวส่วนใหญ่นั้นมักจะทำมาจากไม้ วีเนียร์ พีวีซี ลามิเนต และไฮกลอส ซึ่งแต่ละวัสดุจะมีน้ำหนัก ความทนทาน และราคาที่ต่างกันออกไป ซึ่งเจ้าของบ้านทุกคนควรเลือกวัสดุไปพร้อม ๆ กับพิจารณาถึงความหนาของผนังบ้าน และการรับประกันการติดตั้งร่วมด้วย
ปัจจัย 3 : เลือกดีไซน์ให้เหมาะกับการใช้สอยจริง
แน่นอนว่าเจ้าของบ้านแต่ละคนย่อมมีดีไซน์ตู้เก็บของห้องครัวอยู่แล้วในใจ แต่เราอยากขอเสริมอีกนิดว่า นอกจากความสวยงามแล้ว อีกสิ่งที่เจ้าของบ้านยังต้องดูให้ละเอียดก็คือประโยชน์ใช้สอยจริงที่ได้จากดีไซน์นั้น ๆ เช่น หากเจ้าของบ้านชอบพื้นที่เปิดโล่ง ตู้ห้องครัวก็อาจเน้นเป็นตู้โล่ง ๆ ที่ไม่มีบานปิด
ซึ่งถึงการเลือกตู้แบบไม่มีบานปิดจะช่วยให้ห้องเปิดโล่งได้ก็จริง แต่นั่นก็ต้องแลกมากับความยุ่งยากในการทำความสะอาด รวมถึงยังต้องระมัดระวังในการเก็บของแต่ละครั้งอีกด้วย หรือถึงจะเลือกตู้เก็บของห้องครัวแบบมีบานปิด แน่นอนว่าเราเองก็ต้องทำความสะอาดบานปิดเป็นประจำเช่นเดียวกัน
แต่นั่นก็ยังช่วยให้เราเก็บข้าวของได้เป็นระเบียบ และทำให้ห้องครัวดูโล่งได้มากขึ้นเช่นกัน ดังนั้น หากมีดีไซน์ที่ชอบในใจแล้วก็อย่าลืมลองไปยืนพิจารณาให้ดีว่า เราต้องทำความสะอาดส่วนใดเพิ่ม และดีไซน์นั้น ๆ สามารถตอบโจทย์ความต้องการในบ้านได้จริงหรือไม่นั่นเอง
ง่าย ๆ เพียง 3 ปัจจัยนี้ ทุกคนก็สามารถได้ตู้เก็บของในครัวที่ตรงกับความต้องการได้แล้ว ดังนั้น อย่าลืมนำทั้ง 3 ปัจจัยที่นำมาฝากนี้ไปปรับใช้ในการเลือกตู้ด้วยนะ และสุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกคนได้มีห้องครัวที่อบอุ่นอย่างที่ใจต้องการนะ