การดำเนินกลยุทธ์การตลาด B2B นั้นอาจจะสามารถแปลได้อย่างตรงตัวก็คือเป็นการดำเนินกลไกระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ (Business to Business) ด้วยกันเอง ทั้งนี้ก็เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ทั้ง 2 องค์กรตั้งเอาไว้ แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความเปลี่ยนแปลงไป มีปัจจัยเชิงดิจิทัลเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยในบทความนี้จะมาแนะนำหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาด B2B ที่มีอิทธิพลมากที่สุดช่องทางหนึ่งนั่นก็คือการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญที่รับทำ SEO แต่จะไปสอดคล้องกับกลยุทธ์เชิงธุรกิจอย่างไร บทความนี้มีข้อมูลดีๆ มาฝาก
ทำธุรกิจด้วยความสม่ำเสมอ
อันดับแรกที่เป็นกลยุทธ์การตลาด B2B ที่บริษัทที่รับทำ SEO เลือกทำเป็นอันดับแรกเลยนั่นก็คือการทำธุรกิจด้วยความสม่ำเสมอ ปัจจุบันโลกหมุนไปเร็วมาก มีสิ่งใหม่ๆ เข้ามาดึงดูดตาดึงดูดใจลูกค้าในแวดวงธุรกิจอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นกลไกสำคัญในการทำธุรกิจคือเวลารอไม่ได้ เพราะในทุกๆ วันย่อมมีคู่แข่งใหม่ๆ ตี้ตื้นเราขึ้นมาตลอดเวลา ดังนั้นกลยุทธ์การตลาด B2B ที่ดีนั้นจะต้องเน้นความสม่ำเสมอ ดำเนินไปอย่างเป็นระบบให้มากที่สุด และที่สำคัญคือจะต้องทำตัวเองให้ลูกค้ามองเห็นและนึกถึงเราอยู่ตลอดเวลา
ทำความเข้าใจสถานะของลูกค้า
ลำดับถัดมาที่เป็นกลยุทธ์การตลาด B2B ของบริษัทที่รับทำ SEO นั่นก็คือการรู้จักและทำความเข้าใจสถานะทางธุรกิจของลูกค้า หมั่นอัปเดตกับลูกค้าอยู่เสมอๆ ว่าตอนนี้สถานะการบริหารหรือการดำเนินงานภายในองค์กรของลูกค้านั้นเป็นอย่างไร มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน แล้วเราในฐานะคู่ค้าที่ดำเนินกลยุทธ์การตลาด B2B จะสามารถสนับสนุนหรือให้การช่วยเหลือไปในทิศทางใดได้บ้าง เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของทั้งสองฝ่ายเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ธุรกิจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม
จากที่เกริ่นไปแล้วในข้างต้นว่ากลยุทธ์การตลาด B2B ของบริษัทที่รับทำ SEO นั้นย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เนื่องด้วยสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอก ทุกธุรกิจย่อมต้องมีการเตรียมความพร้อมและปรับตัวเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นการจะดำเนินธุรกิจในลักษณ์ Business to Business นั้นจะต้องประเมินให้ดีว่าสถานการณ์ของทั้งเราและบริษัทคู่ค้านั้นอยู่ในช่วงไหน มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะได้ให้บุคลากรภายในเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ถูกทิศทาง
การ Re-Targeting ก็สำคัญเช่นกัน
สำหรับในกลยุทธ์การตลาด B2B ของบริษัทที่รับทำ SEO ในข้อนี้จะไปสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจให้มีความสม่ำเสมอ การทำตนเองให้ลูกค้ามองเห็นอยู่ตลอดเวลา ไม่ควรทิ้งช่วงหรือเว้นระยะห่างให้นานจนเกินไป การหยิบเอาวิธี Re-Targeting ย้อนกลับไปที่ประวัติการซื้อขายแบบเก่าๆ แล้วเริ่มต้นจากรายชื่อลูกค้าเหล่านั้น อาจจะเป็นลูกค้าที่เคยเจรจาทำกลยุทธ์การตลาด B2B กันมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่ข้อเสนอหรือความต้องการอาจจะไม่ตรงกันในวันนั้น ในวันนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วสามารถพัฒนาสานต่อให้กลับมาเป็นลูกค้ากันในตอนนี้ก็เป็นได้
กลไกสำคัญสุดท้ายของการดำเนินธุรกิจแบบ B2B หรือ Business to Business อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญเลยนั่นก็คือเรื่องของคอนเนกชัน หากมีความต้องการที่จะอยู่ในธุรกิจลักษณะเช่นนี้ การรู้จักหรือพูดคุยกับผู้คนให้เยอะก็มีส่วนช่วยในการต่อยอดทางธุรกิจด้วยเช่นเดียวกัน