ในยุคดิจิตัลผู้คนเริ่มสนใจและเลือกซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น โดยมีอัตราการซื้อสินค้าสูงถึงร้อยละ 59 ของกิจกรรมทั้งหมดในโซเชียลมีเดีย แต่คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่ต่างคนต่างซื้อต่างขาย จึงเกิดแพลตฟอร์มใหม่ขึ้นชื่อว่า Movefast ตัวกลางที่ช่วยโลกธุรกิจออนไลน์ ให้มีความสะดวก และมีประสิทธิภาพมากขึ้น นำโดย คุณโตชิ ศิริจิวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มูฟฟาสท์ จำกัด จากบริษัทสตาร์ทอัพเล็กๆ ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อน สร้างแฟลตฟอร์มเป็นของตัวเอง ปัจจุบันมีฐานผู้บริโภคมากกว่า 3 แสนคน มีผู้ที่กลับมาซื้อซ้ำมากกว่า 40 เปอร์เซนต์ และผู้ประกอบการกว่า 40 แบรนด์ โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 400 ล้าน ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี เรียกว่าเป็นสตาร์ทอัพที่น่าจับตามองยิ่งนัก
เริ่มขายของในเว็บไซต์เมื่อ 10 ปีก่อน
“เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจในเรื่องการขายของออนไลน์ จึงเริ่มนำของมาขายหรือซื้อโฆษณาในเว็บไซต์ต่างๆ อย่าง สนุกดอทคอม กระปุกดอทคอม โดยวิธีลงโฆษณาทิ้งไว้ ส่วนลูกค้าก็ต้องกรอกข้อมูลไว้ ถ้าสนใจแล้วก็โทรกลับไปขาย เพราะยังไม่มีแชท ผมได้เรียนรู้ และที่สำคัญคือได้เจอปัญหา มองเห็นเทรนด์และทิศทางในอนาคต เนื่องจากทุกปีจะมีแพลตฟอร์มหรือวิธีการที่ทันสมัยมากขึ้น”
จากพ่อค้าสู่เจ้าของตลาด
“จากประสบการณ์ขายของผ่านเว็บไซต์ ทำให้ผมมองเห็นปัญหา แล้วก็ค่อยเห็นเป็นโอกาส ปัญหาของผมคือเริ่มจำลูกค้าตัวเองไม่ไหว เพราะลูกค้ามีจำนวนเยอะมากเกินความสามารถในการจดจำของเรา แล้วไม่มีอะไรเตือนความจำเราได้ หรือเตือนได้ก็ไม่ดี บางทีลูกค้าทักมาว่าจำพี่ได้ไหม ขอโปรเดิมนะ เราก็จำไม่ได้ เราเห็นว่าต้องให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มหลัก จะได้ไม่ต้องหาลูกค้าใหม่ตลอด อีกอย่างมองเห็นแนวโน้มว่าแบรนด์ใหญ่ๆ จะมาช่องทางนี้ จึงพยายามสร้างแพลตฟอร์มขึ้นมา”
Movefast คืออะไร
“เราคือ Distribution Platform Channel หรือตัวแทนจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ซึ่งลูกค้าของมูฟฟาสต์มี 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นผู้ประกอบการ (Client) อีกกลุ่มเป็นผู้บริโภค (Customer) ในส่วนของแบรนด์เราดูแลตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำเริ่มจากวางแผนมาร์เกตติ้งออนไลน์ แพลนงบเกี่ยวกับออนไลน์ วางเป้าหมาย จะเริ่มขายอย่างไร ช่วยมอนิเตอร์โฆษณาบนโซเซียลมีเดีย รวมไปถึงสต็อกสินค้า การบริหารจัดการ การขนส่ง ซึ่งให้บริการแบบ One Stop Service ด้วยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วย”
ระบบซื้อขายที่ลงตัวของมูฟฟาสท์
“ผมมองว่าบทสนทนาจะช่วยเพิ่มยอดขายได้ จึงสร้างรูปแบบการขายที่เรียกว่า Conversation Commerce ซึ่งเป็นสิ่งที่เรียบง่ายมาก คือการซื้อขายที่ผสมผสานระหว่างการขายผ่านหน้าเว็บไซต์ที่นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ และ Human Tuoch ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเน้นมาก คือทีมขายสนทนากับลูกค้าแบบ 1 ต่อ 1 ผ่านทางโซเชียลมีเดีย อย่าง Line@ หรือ Facebook Massenger ลองนึกภาพว่าเวลาเราเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ต สินค้าบางประเภทก็จะมีพนักงานยืนให้ข้อมูลคำแนะนำด้วย ซึ่งพนักงานของมูฟฟาสท์สามารถตอบลูกค้าได้ทั้งหมด และตรงคำถามด้วย จุดเด่นของ C-Commerce คือช่วยให้เราฟังลูกค้าว่าต้องการอะไร
“แพลตฟอร์มของมูฟฟาสท์มี 3 ส่วน ฮาร์ดแวร์ ซอร์ฟแวร์ และพีเพิ่ลแวร์ และมีระบบช่วยเตือนเวลาลูกค้าซื้อของครบ 1 เดือนและมีโอกาสในการซื้อของล็อตต่อไป รวมทั้งระบบช่วยทำบัญชีให้ผู้ประกอบการที่สามารถดูสต็อกดูยอดขายได้แบบเรียลไทม์ตลอดเวลา”
จะเข้ามาใช้บริการได้อย่างไร
“ปกติเวลาแบรนด์เข้ามาเราจะทำเว็บไซต์ให้ เป็น Movefast.me/ชื่อแบรนด์ ซึ่งมีแฟนเพจและไลน์ด้วย โดยมีทีมดูแลแต่ละสินค้า ส่วนผู้ซื้อก็สามารถเข้าช่องนี้ แต่ภายในไตรมาสแรกของปี 2561 เราจะไปรวมไว้ใน Movefast.shop และปัจจุบันเรากำลังพัฒนาระบบการขนส่งให้เร็วขึ้น โดยจัดส่งให้ได้ 3 ชั่วโมงในกรุงเทพฯ และปริมณฑล”
เป้าหมายในอนาคต
“เป้าหมายแรกๆ ที่มีตั้งแต่วันเปิดบริษัทคือ อยากจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า ส่วนแผนงานธุรกิจ อยากจะพัฒนาบุคลากร รวมถึงระบบภายใน พัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งยังมีงานให้ทำอีกมากในการแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ รวมถึงไปยังการจับกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ ที่สำรวจมามีประเทศเวียดนาม และสหรัฐอเมริกา ซึ่งผมอยากให้มองมูฟฟาสท์เป็นโอกาส แบรนด์ไม่ว่าจะขนาดเล็กๆ หรือใหญ่ เราช่วยพัฒนายอดขายให้เติบโตเร็วขึ้น ส่วนกลุ่มผู้บริโภคให้เชื่อว่าเราเป็นเหมือนเครื่องหมายการันตี เมื่อซื้อสินค้าจากที่นี่จะได้ของคุณภาพ เคลมสินค้าได้ทุกกรณี และปลอดภัย”
หัวใจของการทำสตาร์ทอัพในแบบมูฟฟาสท์
“สิ่งสำคัญคือต้องไม่ยอมแพ้ เพราะบริษัทสตาร์ทอัพต้องเจอปัญหาทุกวัน บางทีเจอปัญหาเยอะๆ ก็ปวดหัวเหมือนกัน ซึ่งปัญหาบางอย่าง ผมใช้เทคโนโลยีเข้ามาแก้ไข ฉะนั้นยิ่งเจอปัญหา ก็จะยิ่งเจอวิธีแก้ และทำให้ค้นพบอะไรใหม่ๆ”
