สำรวจเผย คนกรุงเทพฯ ต้องการให้รถไฟฟ้า และรถโดยสารประจำทาง ขสมก. (รถเมล์) ทุกระบบ ราคาไม่เกิน 10% ของค่าแรงขั้นต่ำ หรือ 33 บาท
คนกรุงเทพฯ 85% มีที่พักอาศัย ที่มีบริการขนส่งมวลชนให้เลือกใช้พอต่อความต้องการ
12 ตุลาคม 2564 มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) ร่วมกับศูนย์สำรวจความคิดเห็น บ้านสมเด็จโพลล์ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
ดำเนินโครงการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้บริการขนส่งมวลชน ในกรุงเทพมหานคร เก็บจากกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 1,200 กลุ่มตัวอย่าง เก็บข้อมูลวันที่ 8-17 กันยายน 2564
โดยผศ.ดร. สิงห์ สิงห์ขจร ประธานคณะกรรมการศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ กล่าวว่า ผลการสำรวจในครั้งนี้ เป็นเรื่องการใช้บริการขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานคร
มีข้อมูลที่น่าสนใจคือ 85% ของกลุ่มตัวอย่าง มีบริเวณที่พักอาศัยที่มีบริการขนส่งมวลชนให้เลือกใช้บริการได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการ
38.2% มีบริเวณที่พักอาศัยที่สามารถเดินเท้ามาถึงจุดให้บริการขนส่งมวลชนได้ในระยะทาง 1,000 เมตร (หรือ 1 กิโลเมตร)
อันดับที่สอง 27.1% ระยะทาง 500 เมตร
อันดับที่สาม 18.5% ระยะทาง 1,500 เมตร
อันดับที่สี่ 16.2% ระยะทาง มากกว่า 1,500 เมตร
บริการขนส่งมวลชนที่สามารถเลือกได้มากที่สุด จากที่พักอาศัยของคนกรุงเทพฯ
– รถโดยสารประจำทาง ขสมก. (รถเมล์) 84%
– รถจักรยานยนต์รับจ้าง 72.7%
– รถไฟฟ้า 51.7%
– รถเมล์เอกชนร่วมบริการ 48.4%
– รถสองแถว 44.7%
– เรือโดยสาร 33.5%
บริการขนส่งมวลชนที่คนกรุงเทพฯ เลือกใช้มากที่สุดในชีวิตประจำวัน
– รถโดยสารประจำทาง ขสมก. (รถเมล์) 68%
– รถไฟฟ้า 45.5%
– รถจักรยานยนต์รับจ้าง 42.6%
– รถเมล์เอกชนร่วมบริการ 30%
– เรือโดยสาร 28.2%
– รถสองแถว 23%
ความถี่ในการใช้บริการขนส่งมวลชนของคนกรุงเทพฯ
– 5-6 ครั้งต่อสัปดาห์ 23%
– 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ 22.5%
– ใช้ทุกวัน 21.8%
– นาน ๆ ครั้ง 17.6%
– 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ 15.1%
ความต้องการใช้บริการรถโดยสารประจำทาง ขสมก. (รถเมล์) ของคนกรุงเทพฯ
– 34.6% ต้องการเข้าถึงบริการ และจุดเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนได้ไม่ติดขัด
– 30.6% ต้องการให้ราคาค่าโดยสารขนส่งมวลชนทุกระบบรวมกัน ต้องไม่เกิน 10% ของค่าแรงขั้นต่ำ (กรุงเทพมหานคร) หรือ 33 บาท
– 29.7% ต้องการบริการของรถเมล์มีมาตรฐานตรงเวลา ไม่ล่าช้า
– 27.7% ต้องการรถเมล์มีบริการที่มีคุณภาพ ในการรับส่งผู้โดยสาร
– 26.7% ต้องการอัตราค่าโดยสารเหมาจ่ายรถร้อน 10 บาท (ทั้งวัน)
ความต้องการใช้บริการรถไฟฟ้าของคนกรุงเทพฯ
– 47.1% ต้องการให้ราคาค่าโดยสารขนส่งมวลชนทุกระบบรวมกัน ต้องไม่เกิน 10% ของค่าแรงขั้นต่ำ (กรุงเทพมหานคร) หรือ 33 บาท
– 43.1% ต้องการความสะดวกในการเข้าถึงสถานี และเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนได้ไม่ติดขัด
– 41.6% ต้องการการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าทุกสาย เพื่อลดค่าแรกเข้าเหลือครั้งเดียว (ขึ้นหลายสายก็จ่ายครั้งเดียว)
– 39.4% ต้องการการออกแบบพื้นที่ เพื่อรองรับการเข้าถึงรถไฟฟ้าของกลุ่มผู้พิการ
– 38.9% ต้องการให้รถไฟฟ้าเป็นบริการขนส่งมวลชนที่รัฐต้องดำเนินการเพื่อประชาชน
ผลสำรวจที่สะท้อนความต้องการใช้บริการขนส่งมวลชนของคนกรุงเทพฯ
นายคงศักดิ์ ชื่นไกรลาศ ผู้ประสานงานโครงการขนส่งมวลชน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ผลการสำรวจครั้งนี้ สะท้อนถึงความทุกข์และความต้องการของผู้บริโภคคนเมืองที่ใช้บริการขนส่งมวลชนแต่ละประเภทได้อย่างชัดเจน
โดยเฉพาะบริการขนส่งพื้นฐาน เช่น รถเมล์ประจำทางที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุด แต่ก็ยังต้องการความสะดวก จุดเชื่อมต่อระบบไม่ติดขัด และบริการที่มีคุณภาพตรงต่อเวลา
ขณะที่การเข้าถึงจุดเชื่อมต่อหรือป้ายรถประจำทางจากที่พักอาศัยของคนส่วนใหญ่ต้องเดินเท้าในระยะทาง 1,000 เมตร ส่งผลให้ผู้บริโภคอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับการเดินทางหลายต่อ และไม่สะดวกต่อการเดินทางในชีวิตประจำวัน
ดังนั้นรัฐจึงควรรณรงค์และกำหนดนโยบายให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงจุดเชื่อมต่อหรือป้ายรถเมล์จากที่พักไม่ให้เกิน 500 เมตร ซึ่งประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญที่องค์กรผู้บริโภคจะผลักดันอย่างต่อเนื่อง
คนกรุงเทพฯ ต้องการราคาค่าโดยสารทุกระบบรวมกัน ไม่เกิน 10% ของค่าแรงขั้นต่ำ หรือ 33 บาท
ขณะที่ราคาค่าโดยสาร ยังเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องแก้ไขปรับราคาลดลงให้สอดคล้องกับค่าครองชีพ เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงขนส่งสาธารณะได้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม
ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าและรถเมล์ต่างก็ต้องการให้ราคาค่าโดยสารทุกระบบรวมกัน ไม่เกิน 10% ของค่าแรงขั้นต่ำ หรือ 33 บาท แต่ขณะนี้กลับพบ ปัญหาเรื่องแผนปฏิรูปรถเมล์ที่จะทำให้ราคาค่าโดยสารถูกลงก็ยังไปไม่ถึงไหน ภาระค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้นจึงกระทบต่อค่าครองชีพของผู้บริโภค
ส่วนค่าโดยสารรถไฟฟ้าก็เพิ่มขึ้น จากการที่บีทีเอสประกาศยกเลิกตั๋วรายเดือน ทำให้ค่าโดยสารเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในช่วงวิกฤตโควิด-19 บีทีเอสให้เหตุผลในการยกเลิก คือ พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ซึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
เพราะตั้งแต่ 1 ต.ค. 64 ก็มีผู้ใช้บริการจำนวนมากขึ้นเทียบเท่าเวลาปกติ และผลการสำรวจรถไฟฟ้าเป็นบริการขนส่งมวลชนที่คนในกรุงเทพใช้ในชีวิตประจำวันเป็นอันดับที่ 2
“การยกเลิกตั๋วรายเดือนของบีทีเอสจึงเข้าข่ายเป็นการสร้างวิกฤตใหม่ซ้ำเติมค่าครองชีพ และผลักภาระให้กับประชาชนจำนวนมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องเข้ามากำกับการประกอบธุรกิจขนส่งสาธารณะที่ควรต้องเป็นบริการพื้นฐานด้านขนส่งมวลชนที่รัฐต้องจัดให้กับประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม” นายคงศักดิ์ ชื่นไกรลาศ กล่าว