Seoul Metropolitan Government หน่วยงานกำกับดูแลการก่อสร้างของกรุงโซล ประกาศ เตรียมจะปลูกต้นไม้ในพื้นที่กรุงโซลเพิ่มอีก 15 ล้านต้น ภายในปี 2565 หลังจากที่ในปี 2557 – 2561 ปลูกไปแล้ว 15 ล้านต้น ส่งผลให้เมืองหลวงแห่งนี้ จะมีต้นไม้เพิ่มขึ้น 30 ล้านต้นภายในระยะเวลา 8 ปี เพื่อช่วยลดฝุ่นพิษ ที่เกิดจากรถเก่าเครื่องยนต์ดีเซลได้ 6.4 หมื่นคันต่อปี
โดย Seoul Metropolitan Government หน่วยงานกำกับดูแลการก่อสร้างของกรุงโซล เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานดังกล่าว เป็นการบรรเทามลพิษทางอากาศที่เลวร้ายลงทุกปี และลดความร้อนภายในป่าคอนกรีต ด้วยการปลูกต้นไม้ 15 ล้านต้น เพิ่มจากที่ปลูกไปแล้ว 15 ล้านต้น ซึ่งจะทำให้เมืองหลวงเกาหลีใต้แห่งนี้ มีต้นไม้เพิ่มเป็น 30 ล้านต้นภายในปี 2565
ซึ่งนอกจากจะทำให้กรุงโซล มีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นแล้ว ยังจะเป็นการช่วยลดมลพิษในอากาศ จากฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เกิดจากรถเก่าเครื่องยนต์ดีเซลได้ 6.4 หมื่นคันต่อปี พร้อมกับลดอุณหภูมิในเมืองจากการเปิดเครื่องปรับอากาศได้ราว 24 ล้านเครื่องนาน 5 ชั่วโมง และผลิตออกซิเจนเท่ากับปริมาณการหายใจเข้าไปของประชากรวัยผู้ใหญ่ 21 ล้านคนในหนึ่งปี
ทั้งนี้แผนดำเนินการดังกล่าว จะเริ่มที่การสร้างป่าขนาดใหญ่ หรือ “Wind Forest Path” เพื่อดึงเอาสายลมที่เย็น และสะอาด จากภูเขา Gwanak และ Bukhan เข้าไปยังย่านตัวเมือง เขตคังนัมและคังบุก ภายในปี 2564 ด้วยเงิน 2 หมื่นล้านวอน หรือราว 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยหวังว่าจะสามารถลดลมร้อน และฝุ่นละอองในเมืองได้
นอกจากนี้จะปลูกต้นไม้อีกกว่า 2.1 ล้านต้น ตามทางหลวง เช่น Olympic-daero และ Gangbyeonbuk-ro ภายในปี 2565 และอีกกว่า 1.15 ล้านต้น ตามแนวแม่น้ำฮัน เพื่อผลิตอากาศที่บริสุทธิ์ด้วย
ส่วนต้นไม้จำนวนที่เหลือ ทางการจะเลือกเกาะจราจรราว 100 แห่ง ที่มีปัญหาไอเสียจากรถยนต์จำนวนมาก ปลูกต้นไม้เพื่อให้ร่มเงา และลดคลื่นความร้อน
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีการก่อสร้างอพาร์ทเมนท์ใหม่ รัฐบาลก็จะสร้างป่า หรือที่เรียกว่า cut-off forest ขึ้น เพื่อป้องกันการพัดของฝุ่นละอองระหว่างถนนและบ้านด้วย