นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นวินจักรยานยนต์รับจ้างและประชาชน เกี่ยวกับมาตรการลงโทษวินรถจักรยานยนต์ที่ขับขี่รถบนทางเท้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยการยึดเสื้อวินเป็นเวลา 3 ปี จำนวนรวม 10,000 ตัวอย่าง แบ่งเป็นสอบถามประชาชน 5,000 ตัวอย่าง และผู้ขับขี่วินจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ 5,000 ตัวอย่าง ซึ่งพบว่าผลสำรวจส่วนใหญ่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว
โดยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน มีดังนี้
1.เมื่อถามว่า เห็นด้วยกับโครงการ “จุดกวดขันจับ-ปรับ จอดรถหรือขับขี่รถบนทางเท้า” ของกรุงเทพมหานคร หรือไม่ พบว่าเห็นด้วย ร้อยละ 92.84 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 7.16
2.เห็นด้วยหรือไม่ที่กรุงเทพมหานคร เปรียบเทียบปรับผู้ฝ่าฝืนจอดรถหรือขับขี่รถบนทางเท้า เป็นเงินจำนวน 2,000 บาท พบว่าเห็นด้วย ร้อยละ 75.74 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 24.26
3.คิดว่าค่าเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน จำนวน 2,000 บาท มากเกินไป หรือน้อยเกินไป พบว่ามากเกินไป ร้อยละ 64.28 น้อยเกินไป ร้อยละ 35.72
4.เห็นด้วยกับนโยบายของกรุงเทพมหานครที่จะไม่ให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ หรือวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างวิ่งบนทางเท้า พบว่าเห็นด้วย ร้อยละ 89.82 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 10.18
5.เห็นด้วยหรือไม่กับมาตรการลงโทษผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ หรือวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างโดยการยึดเสื้อวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างเป็นระยะวลา 3 ปี ระหว่างที่ยึดเสื้อวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จะไม่สามารถขับขี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างได้ พบว่าเห็นด้วย ร้อยละ 71.7 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 28.3
6.คิดว่าเจ้าหน้าที่เทศกิจของกรุงเทพมหานครกวดขันผู้ฝ่าฝืนจอดรถ หรือขับขี่รถบนทางเท้า ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่แล้วหรือไม่ พบว่าครอบคลุม ร้อยละ 61.06 ไม่ครอบคลุม ร้อยละ 38.94
7.เห็นด้วยหรือไม่ว่าบริเวณทางเท้าที่ตั้งจุดกวดขันจับปรับ ผู้จอดรถหรือขับขี่รถบนทางเท้า มีความสะดวกสบายและปลอดภัยในการใช้บนทางเท้ามากยิ่งขึ้น พบว่าเห็นด้วย ร้อยละ 88.34 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 11.66
พร้อมทั้งมีข้อแนะนำและเสนอแนะเพิ่มเติมในการจัดระเบียบวินรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ ดังนี้
1.การลงโทษมีความเหมาะสมแล้ว แต่ควรมีมาตรการจากเบาไปหาหนักตามลำดับ ขอให้พัฒนาระเบียบวินัยให้ กทม. น่าอยู่มากยิ่งขึ้น
2.ยินดีเป็นอย่างมาก ที่ กทม. จะเข้มงวด เนื่องจากเวลาเดินต้องคอยหลบรถมอเตอร์ไซค์บนทางเท้า
3.ควรทำตามระเบียบ แต่ไม่เห็นด้วยที่จะยึดใบขับขี่
4.ต้องจับจริง ปรับจริง ถึงจะได้ผล
5.ขอให้ทำให้เป็นมาตรฐานทุกที่
6.ขอให้ กทม. จัดการอย่างจริงจัง ไม่ละเว้นหรือเลือกปฏิบัติ
7.อย่าเลือกปฏิบัติกับวินฯ เท่านั้น ขอให้จับแกร็ปด้วย
8.เมื่อผู้กระทำผิดพบเจ้าหน้าที่จะไม่ขับขี่บนทางเท้า แต่จะเปลี่ยนมาชับรถย้อนศรแทน
9.ขอให้ดูแลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าโดยสารด้วย
10.ควรรณรงค์ให้ประชาชนมีจิตสำนึก และมีระเบียบวินัย ปฏิบัติตามกฎหมาย
ส่วนผลสำรวจความคิดเห็นของผู้ขับขี่วินจักรยานยนต์รับจ้าง มีดังนี้
1.เมื่อถามว่าท่านเห็นด้วยกับโครงการ “จุดกวดขันจับ-ปรับ จอดรถหรือขับขี่รถบนทางเท้า” ของกรุงเทพมหานครหรือไม่ พบว่าเห็นด้วย ร้อยละ 86.68 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 13.32
2.ท่านเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ ที่ได้ลงทะเบียน และมีเสื้อวินรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ถูกต้องใช่หรือไม่ พบว่าใช่ ร้อยละ 94.44 ไม่ใช่ ร้อยละ 4.56
3.ท่านทราบหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะหรือไม่ พบว่าทราบ ร้อยละ 96.8 ไม่ทราบ ร้อยละ 3.2
4.ท่านเคยจอดรถหรือขับขี่รถบนทางเท้าหรือไม่ พบว่าเคย ร้อยละ 65.48 ไม่เคย ร้อยละ 34.52
5.ท่านยินดีหรือไม่ที่จะให้ความร่วมมือกับกรุงเทพมหานครในการไม่จอดรถ หรือไม่ซับขี่รถบนทางเท้า พบว่ายินดี ร้อยละ 92.44 ไม่ยินดี ร้อยละ 7.56
6.ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับมาตรการลงโทษผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ หรือวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างโดยการยึดเสื้อวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างเป็นระยะเวลา 3 ปี ระหว่างที่ยึดเสื้อวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จะไม่สามารถขับขี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างได้อีก พบว่าเห็นด้วย ร้อยละ 42.08 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 57.92
โดยมีข้อแนะนำและเสนอแนะเพิ่มเติม ดังนี้
1.ทางกลับรถไกล อยากให้ยกเว้นเวลาเร่งด่วน
2.ขั้นตอนการทำใบขับขี่ยุ่งยาก
3.การยึดเสื้อวิน 3 ปี มีความรุนแรงมากเกินไป เนื่องจากมีโทษปรับอยู่แล้ว หรือให้ดำเนินการเป็นขั้นตอน เช่น ตักเตือนด้วยวาจา, ยึดใบขับขี่ 1 เดือน หรือ 3 เดือน
4.อยากให้แก้ไขปัญหาเบอร์เสื้อขึ้นทะเบียนใหม่หมด รับป้ายเหลืองใหม่
5.อยากให้แก้ไขปัญหารถแกร็ปที่มาวิ่งรับจ้าง
ด้านผลการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารวินรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะกรุงเทพมหานคร ซึ่งประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร กรมการขนส่งทางบก กองบังคับการตำรวจจราจร กอ.รมน. เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 62 ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้เพิ่มมาตรการลงโทษยึดเสื้อวินมอเตอร์ไซค์หากขับขี่บนทางเท้า
ทั้งนี้ จะต้องมีการแก้ไขประกาศคณะกรรมการประจำกรุงเทพมหานคร เรื่อง กำหนดสถานที่ตั้งวินและหลักเกณฑ์การออกหนังสือรับรองการใช้รถจักรยานยนต์สาธารณะในกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2561 ที่มีการกำหนดให้เพิกถอนวินมอเตอร์ไซค์ได้หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข คือ
1.ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการขอรับใบอนุญาต
2.เลิกประกอบอาชีพ
3.ทะเบียนรถจักรยานยนต์สาธารณะเป็นอันระงับ
4.ประพฤติตนไม่เหมาะสม เช่น เสพสุราเล่นพนันบริเวณที่ตั้งวิน
5.เสียชีวิตหรือทุพพลภาพจนไม่สามารถประกอบอาชีพได้
โดยจะเพิ่มเหตุการเพิกถอนในเรื่องของการขับขี่บนทางเท้าเข้าไปด้วย เพื่อให้มีความชัดเจน เข้าใจและตีความได้ตรงกัน
อย่างไรก็ตาม ต้องมีการประชุมคณะอนุกรรมการประจำกรุงเทพมหานครโดยเฉพาะ เพื่อพิจารณาในรายละเอียด รวมถึงหารือถึงระดับของการลงโทษว่าจะกำหนดอย่างไร ระยะเวลาเท่าไร อาจจะไม่ใช่ 3 ปี อาจจะเป็น 6 เดือน 1 ปี 2 ปี หรือมากกว่า 3 ปี โดยกรมการขนส่งทางบก ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฯ จะนัดประชุมในโอกาสต่อไป
นอกจากนี้ นายสกลธี ภัททิยกุล ยังกล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่า รถจักรยานยนต์ที่มีการฝ่าฝืนมากที่สุด คือ รถจักรยานยนต์ของคนทั่วไป รองลงมาเป็นวินมอเตอร์ไซค์ และกลุ่มแมสเซนเจอร์ ที่มีจำนวนพอๆ กัน เพียงแต่ต้องยอมรับว่าเมื่อสวมเสื้อวินทำให้เห็นได้ชัดเจน และรู้ว่าอยู่ที่ไหนอย่างไร จึงต้องมีการกำหนดมาตรการจับปรับให้เท่าเทียม นอกจากนั้น ในอนาคตอาจเชิญบริษัทเอกชน เช่น LaLa Move, Line Man หรือ Grab Bike มาหารือร่วมกันด้วยว่า หากพนักงานทำผิดในลัษณะเดียวกันนี้จะมีมาตรการลงโทษขั้นไล่ออกได้หรือไม่
