เปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยกับชุดแข่งทีมเหย้าของสโมสรลิเวอร์พูล สำหรับฤดูกาล 2020-21 ที่เป็นการร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างสโมสรฯ กับแบรนด์กีฬาชั้นนำของโลกอย่างไนกี้
การจับมือกันครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์วงการกีฬาของลิเวอร์พูลและไนกี้
หลังเผยโฉมชุดแข่งทีมเหย้าของสโมสรฯ สำหรับฤดูกาล 2020-21 ที่เกิดจากความร่วมมือกันครั้งแรกของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล (Liverpool Football Club) ทีมที่มีฐานแฟนบอลมากที่สุดทีมหนึ่งของโลก และพึ่งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปี กับไนกี้ (Nike) แบรนด์กีฬาชั้นนำของโลก ซึ่งเข้ามาเป็นผู้จัดหาชุดแข่งอย่างเป็นทางการให้กับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563
โดยเบิร์ต ฮอยต์ (Bert Hoyt) รองประธาน และผู้จัดการทั่วไปของไนกี้ประจำภาคพื้นยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกากล่าวว่า “เมื่อฤดูแข่งขันต่อไปเริ่มต้นขึ้น เราตั้งตาคอยที่จะได้จัดหาคอลเลคชั่นซึ่งเต็มไปด้วยนวัตกรรม พร้อมทั้งมอบความมั่นใจด้วยดีไซน์ และสไตล์ที่โดดเด่นให้กับสโมสรลิเวอร์พูล และผู้สนับสนุน พร้อมกับสานต่อความมุ่งหมายที่เรามีร่วมกันในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน และคนรุ่นต่อ ๆ ไป ผ่านเกมกีฬาฟุตบอลที่แสนงดงาม”
นัยยะที่ซ่อนอยู่ในดีไซน์ชุดแข่งทีมเหย้าของสโมสรลิเวอร์พูล
ชุดแข่งทีมเหย้าของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ฤดูกาล 2020-21 จะประกอบด้วยเสื้อสีแดง กางเกงขาสั้นสีแดง และถุงเท้าสีแดงตามธรรมเนียม มีการใช้สีแดงที่สว่างขึ้นแสดงถึงความอ่อนเยาว์ และความมีชีวิตชีวาอย่างเหลือล้น เสริมด้วยสีขาวตามธรรมเนียม และสีฟ้าอมเขียว (Teal) ที่นำมาใช้ในเสื้อแข่งทีมเหย้าเป็นครั้งแรก ทั้งสีแดง สีขาว และสีฟ้าอมเขียว ยังเป็นสีที่ใช้ร่วมกันเป็นธรรมเนียมของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลตลอดหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับตราสโมสร โดยสีฟ้าอมเขียวยังมีความเชื่อมโยงในเชิงสัญลักษณ์กับเมืองลิเวอร์พูลผ่านประติมากรรมรูปนกลิเวอร์เบิร์ด (Liver Birds) ที่ยืนเด่นเป็นสง่าเสมือนคอยตรวจตราเมืองแห่งนี้อยู่ และเป็นไอคอนอันโดดเด่นที่ปรากฏอยู่บนเสื้อแข่งของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลมานับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรขึ้นในปี ค.ศ.1892
ส่วนดีไซน์เสื้อแข่งทีมเหย้าจะมีคอเสื้อเป็นแบบคอวีทันสมัย ตัดสีแบบคัลเลอร์บล็อคเป็นแถบสีขาว และน้ำเงินอมเขียว ทั้งแถบสีนี้ยังปรากฏอยู่ที่ชายแขนเสื้อและคาดเป็นวงรอบส่วนบนของถุงเท้าอีกด้วย ส่วนที่ต้นคอด้านหลังมีเลขสัญลักษณ์ 96 ประกบด้วยรูปเปลวไฟที่ไม่มีวันดับ เพื่อรำลึกถึงเด็ก ๆ ผู้หญิง และผู้ชายรวม 96 คนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่ฮิลส์โบโรห์ (Hillsborough)
ด้านนวัตกรรมในชุดแข่งจะมีความกระชับของรูปทรง และการจัดการความเปียกชื้น นอกจากนี้ยังมั่นคงต่อพันธสัญญาของไนกี้ในด้านความยั่งยืน โดยการใช้ผ้าโพลีเอสเตอร์ (Polyester) รีไซเคิล 100% ซึ่งผลิตขึ้นจากขวดพลาสติกที่นำกลับมารีไซเคิล
ความร่วมมือที่ช่วยสร้างการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นของลิเวอร์พูล
ภายใต้ความร่วมมือกับสโมสรฯ ในครั้งนี้ ไนกี้ยังจะให้การสนับสนุนโครงการชุมชนท้องถิ่นโครงการหนึ่งในย่านท็อกซ์เทธ (Toxteth) โดยเป็นส่วนหนึ่งในพันธกิจ Made to Play ของไนกี้ที่มุ่งกระตุ้นให้เด็ก ๆ ออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬา ซึ่งไนกี้และรายการ ดิ แอนฟีลด์ แรพ (The Anfield Wrap) กำลังทำงานร่วมกับ เอิร์ล เจนกินส์ (Earl Jenkins) และสโมสรคิงส์ลีย์ ยูไนเต็ด (Kingsley United) ผ่านความร่วมมือกับทิเบอร์ สตรีท พาร์ทเนอร์ชิพ (Tiber Street Partnership) เพื่อลดอุปสรรคในการเริ่มต้น และนำเสนอโปรแกรมการเล่นฟุตบอลรวมถึงโปรแกรมกีฬาต่าง ๆ สำหรับเด็ก และเยาวชนอายุ 4-16 ปีในชุมชน
ทั้งการสนับสนุนดังกล่าวยังรวมถึงโครงการให้ทุนการศึกษาสำหรับหลักสูตรพัฒนาผู้นำบีเอเอ็มอี (BAME) ซึ่งเป็นหลักสูตรอภิปรายและพัฒนาความเป็นผู้นำเพื่อสร้างผู้นำรุ่นใหม่ในอนาคตโดยได้รับความร่วมมือจากองค์กรต่างๆในเมือง ทั้งนี้ยังให้การสนับสนุนสโมสรคิงส์ลีย์ ยูไนเต็ด ซึ่งตั้งอยู่ในย่านท็อกซ์เทธในการสร้างทีมเยาวชนทีมหญิงขึ้น นอกจากนี้ไนกี้จะสนับสนุนแคมป์วันหยุด และแคมป์ฤดูร้อนของโรงเรียนซึ่งจะดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย โดยผู้ฝึกสอนที่ผ่านการอบรมมาเป็นอย่างดี
เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เผยความรู้สึกในการจับมือกันของไนกี้กับลิเวอร์พูล
เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (Virgil van Dijk) ปราการหลังตัวหลักของทีมลิเวอร์พูลกล่าวว่า “ผมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไนกี้มา 6 ปีแล้ว และเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างน่าเหลือเชื่อ ผมคุ้นเคยเป็นอย่างมากกับคุณภาพการออกแบบ และนวัตกรรมที่นำมาใช้ในชุดแข่งแบบนี้ การได้สวมชุดแข่งนี้ก้าวลงสู่สนามฤดูกาลหน้าในฐานะแชมป์จะเป็นความรู้สึกที่พิเศษมาก ๆ”