เหลือบไปเห็นข่าวสารที่แชร์กันในโลกโซเชียล เมื่อโชเฟอร์รถตู้รับเหมาท่องเที่ยวออกมาโพสต์โอดครวญถึงนักท่องเที่ยวเวลาเหมารถตู้ไปแล้วก็มักคิดว่าโชเฟอร์จะกินอยู่หลับนอนอย่างไรก็ได้ จึงไม่ค่อยมีใครคิดเผื่อค่าห้องพัก โรงแรมใดๆ ให้กับโชเฟอร์ด้วย
โดยระบุว่าที่จริงชีวิตผู้โดยสารนักท่องเที่ยวทั้งหมดล้วนฝากเอาไว้กับโชเฟอร์ผู้นี้ หากเขากินอยู่หลับนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ การท่องเที่ยวก็จะกลายเป็นความเสี่ยงไปโดยปริยาย
อ่านแล้วก็นึกถึงเรื่องของสมาธิกับการทำงาน ซึ่งเป็น 1 ใน 12 คุณประโยชน์ของการทำสมาธิที่พระธรรมมงคล-ญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์สิรินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล และประธานสถาบันพลังจิตตานุภาพ ท่านบันทึกเอาไว้
สมาธิมีส่วนช่วยในการทำงานอย่างไรบ้าง?
โดยหลวงพ่อท่านกล่าวไว้ว่า เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าทุกๆ คนต้องเคร่งเครียดจากการทำงานกันทุกวัน ด้วยเหตุนี้จึงเกิดการสั่นสะเทือนไปถึงสมองที่จะต้องสั่งงานเพิ่มขึ้น จึงเป็นเหตุให้ความเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่ากำหนด
การสั่นสะเทือนนั้นย่อมเกิดขึ้นทุกครั้งของการนึกคิดใดๆ ความสั่นสะเทือนนี้เองที่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหว เมื่อเคลื่อนไหวก็จะสูญเสียพลังงาน ซึ่งก็คือการเดินทางสู่ความเสื่อมสภาพ
สมาธินั้นจะเข้ามาช่วยชะลอความเคลื่อนไหวอันหมายถึงคลื่นสมอง ด้วยการเสริมพลังแล้วลดความเคลื่อนไหว เช่นคนเดินทางอาจจะหยุดสักวัน หรือชั่วโมง หรือไม่กี่นาที ก็หมายถึงการได้พัก เขาก็จะมีแรงเพิ่ม เป็นการหยุดพักที่มีประสิทธิภาพ
ความเคลื่อนไหวนั้นบางครั้งก็มีความรุนแรงมาก จะกระทบกระเทือนค่อนข้างสูง เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงทำให้คลื่นสมองสั่นสะเทือนเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
“โดยมากคนเรามักไม่ได้สังเกตในเรื่องอะไรเท่าไหร่นัก เพราะเราต้องการงานที่กำลังดำเนินการแต่อยู่ในเวลาที่ไม่สมควร เช่น เวลาพักผ่อนนอนหลับก็ไม่ยอมละการสั่นสะเทือนของสมองที่เราใช้ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะบุคคลไม่ทราบแนวทางของสมาธิจึงไม่สามารถจะระงับการสั่นสะเทือนอันนี้ได้ ที่ต้องจำใจทำก็เพราะงานต่างๆ มันค้างคาอยู่ ปัญหาใหญ่น้อยนี่เองที่เป็นอันตราย”
สมาธิ ที่ใช้กับบุคคลบริหารนั้นอยู่ในลักษณะของสมาธิตื้น ซึ่งมีหลักการต่างๆ ในตัวของมัน อันนี้เป็นการง่ายมากสำหรับผู้สนใจคือ ให้สมาธิแก่ใจในเวลาอันสั้นแต่ทำสม่ำเสมอ (เกิดวะสี) และไม่กระทบกระเทือนแก่ครอบครัวและการงาน
ดังนั้น สมาธิคือความสงบเป็นสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญต่อชีวิต แม้ความสำคัญของชีวิตคือการที่ต้องทำงาน แต่เมื่อการงานคือสิ่งบั่นทอนชีวิต ดังนั้นสมาธิคือการเสริมสร้างชีวิต
แม้กระนั้นก็ตามการงานก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าบุคคลนั้นจะอยู่ในเพศใดก็ตาม ผู้ที่มีสมาธิย่อมได้เปรียบสามารถแยกแยะหน้าที่ ตลอดจนถึงการป้องกันเมื่อเวลางานรัดตัว เมื่อบุคคลไม่สามารถทราบได้ ป้องกันไว้ก่อนจะทำให้เขาสามารถหลบหลีกมรสุมชีวิตได้ดีกว่า
การป้องกันไว้ก่อนเกิดขึ้นจากสติ สติเกิดจากไหนก็เกิดจากสมาธิ คนเรานั้นเมื่อมีความสุขจะสามารถมองเห็นการได้ไกลและจะมีความกระชุ่มกระชวยอยู่ตลอดเวลา
มรสุมอาจจะเกิดขึ้นในขณะใดขณะหนึ่งได้ตลอดเวลา แต่การเตรียมตัวโดยวิธีมีสมาธิเก็บไว้เป็นผนังนั้น จะแก้มรสุมชีวิตได้ ถ้าไม่มีสมาธิที่สร้างขึ้นพอสมควรแล้ว การแก้มรสุมชีวิตอาจแก้ไขไม่ได้เลย เพราะอะไร เพราะขาดสมรรถภาพทางกาย หมายความถึงหมดกำลังใจไปเลย เนื่องจากการขาดพลังภายในเพราะเขาไม่ได้สร้างสมาธิขึ้น เนื่องด้วยไม่มีโอกาสหรือไม่มีศรัทธาภายในเป็นทุนสำรอง
เมื่อไม่มีพลังภายในเป็นทุนสำรอง มรสุมชีวิตที่เกิดขึ้นแม้จะมีคนช่วยเหลือก็ไม่ไหว ก็ต้องล้มละลายไปตามสภาพ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายมาก หากมีสมาธิสร้างขึ้นก็จะสามารถช่วยเหลือตนเองจนผ่านพ้นวิกฤตได้
หลวงพ่อวิริยังค์ ยังตอกย้ำบทบาทความสำคัญของสมาธิว่า การทำสมาธิตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นการที่สามารถผลิตพลังจิตได้ พลังจิตนี้จะกลายเป็นบุญ กลายเป็นวาสนา กลายเป็นบารมี เราทำมากได้มากทำน้อยได้น้อย
“เราจะไปคิดว่าเราทำเท่านี้พอแล้ว หรือเรียนจบครูสมาธิแล้ว ก็เลิกทำสมาธิอย่างนั้นก็ไม่ใช่ เพราะว่าถ้าหากว่ามาเรียนครูสมาธิ ตามหลักสูตรของสถาบันพลังจิตตานุภาพแล้ว เมื่อเรียนจบเท่ากับว่าได้หนทาง เมื่อได้หนทางแล้ว เราก็ไม่ควรที่จะปลีกทางไปอย่างอื่น”
เมื่อเราได้หนทางก็เดินตามทาง เมื่อเดินตามทางไป จุดที่หมายปลายทางมันก็อยู่ที่ความพยายามของเรา เพราะฉะนั้น จุดที่หมายปลายทางก็ต้องสำเร็จขึ้นแก่เราอย่างแน่นอน เพราะว่าเราได้หนทางแล้ว
เพราะฉะนั้นเมื่อเรียนจบหลักสูตรครูสมาธิไปแล้ว ก็พยายามที่จะต้องทำความดี ให้มันมากยิ่งขึ้น ทำสมาธิเพราะว่าเรารู้จักแล้วว่าสมาธิข้อนี้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จากสมาธิก็กลายเป็นฌาน จากฌานก็กลายเป็นญาณอย่างนี้เป็นต้น
“ถ้าหากว่าเราได้ทำสมาธิแล้ว ชีวิตจะไม่สูญเสียสลาย ไม่ใช่ว่าตายเปล่า ได้ของดี ได้ของวิเศษ นับว่าเป็นแก้วรัตนมงคลอย่างยิ่งสำหรับตัวของเราเมื่อได้สมาธิเป็นสมบัติ“