ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 (มอเตอร์เวย์สาย 7) สายกรุงเทพฯ–บ้านฉาง ส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา–มาบตาพุด พร้อมเปิดทดลองให้ประชาชนได้ใช้บริการโดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2563 เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป จนถึงสิ้นเดือน ส.ค. 2563
โดยผู้ใช้ทางสามารถเข้าใช้บริการได้ 2 ทาง คือ วิ่งต่อเนื่องจากทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ช่วงชลบุรี – พัทยา ที่บริเวณทางแยกต่างระดับมาบประชัน หรือเข้าจากทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท ที่ด่านอู่ตะเภา
มอเตอร์เวย์สาย 7 ช่วงพัทยา – มาบตาพุด เปิดใช้ฟรี 3 เดือน โดยเป็นทางหลวงมาตรฐานสูงที่มีการควบคุมการเข้า–ออกอย่างสมบูรณ์
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดทดลองให้บริการ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ – บ้านฉาง ส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา–มาบตาพุด ณ ด่านเก็บเงินค่าผ่านทางอู่ตะเภา เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2563
ซึ่งนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายช่วงพัทยา–มาบตาพุด เป็นทางหลวงมาตรฐานสูงที่มีการควบคุมการเข้า–ออกอย่างสมบูรณ์ (Fully Controlled Access) มีถนนขนาด 4 – 6 ช่องจราจร มีจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อเส้นทางสายชลบุรี–พัทยาบริเวณทางแยกต่างระดับมาบประชันมุ่งไปทางทิศใต้ผ่าน
อ.บางละมุง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ไปสิ้นสุดที่บริเวณบรรจบทางหลวงหมายเลข 3 เทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ระยะทางรวม 32 กม.
ผู้ใช้ทางสามารถใช้ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตลอดเส้นทาง
รูปแบบโครงการมีลักษณะเป็นทางหลวงพิเศษ ขนาด 4 ช่องจราจร ที่ควบคุมการเข้าออกอย่างสมบูรณ์ ผู้ใช้ทางสามารถใช้ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตลอดเส้นทาง ช่วยลดระยะเวลาการเดินทางจากทางแยกต่างระดับมาบประชันถึงสนามบินอู่ตะเภาลงกว่า 30 นาที
ตลอดแนวเส้นทางโครงการมีด่านชำระค่าผ่านทาง 3 แห่ง ได้แก่ ด่านฯ ห้วยใหญ่ เชื่อมสู่บ้านอำเภอ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี, ด่านฯ เขาชีโอน เชื่อมสู่ทางหลวงหมายเลข 331 อำเภอสัตหีบจังหวัดชลบุรีและด่านฯอู่ตะเภาเชื่อมสู่ถนนสุขุมวิทอำเภอเมืองและอำเภอบ้านฉางจังหวัดระยอง
โดยใช้ระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางประกอบด้วย ระบบเงินสด (MTC) และแบบอัตโนมัติ (ETC) ซึ่งสามารถพัฒนาสู่รูปแบบการเก็บค่าผ่านทางแบบไร้ไม้กั้นในอนาคต โดยใช้เทคโนโลยี AI เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทาง
พร้อมสร้างจุดพักรถ (Rest Stop) เป็นจุดแวะพักให้ผู้ใช้ทางได้ผ่อนคลายจากการขับขี่
นอกจากนั้น กรมทางหลวงอยู่ระหว่างการก่อสร้างจุดพักรถ (Rest Stop) มาบประชัน และสถานที่บริการทางหลวง (Service Area) บางละมุง เพื่อเป็นจุดแวะพักให้ผู้ใช้ทางได้ผ่อนคลายจากการขับขี่ โดยจะเปิดให้บริการภายในปี 2565
มอเตอร์เวย์สาย 7 ช่วงพัทยา – มาบตาพุด เป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มโครงข่ายคมนาคมขนส่งในพื้นที่ EEC
สำหรับทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ–บ้านฉาง ส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา–มาบตาพุดนั้น คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ช่วงพัทยา–มาบตาพุด ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายของทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ–ชลบุรี–พัทยา
ซึ่งกรมทางหลวง ได้ดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2559 แบ่งงานก่อสร้างออกเป็น 14 สัญญา ได้แก่ งานโยธา (งานก่อสร้างทางและสะพาน) 13 สัญญา และงานระบบ 1 สัญญา วงเงินลงทุนรวม 17,784 ล้านบาท (มูลค่าเวนคืน 6,000 ล้านบาท และมูลค่าก่อสร้าง 11,784 ล้านบาท) ซึ่ง ทล. ใช้รายได้ที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางจากทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 ที่เปิดให้บริการในปัจจุบันมาใช้ดำเนินการก่อสร้างทั้งหมด
เส้นทางนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม เติมเต็มโครงข่ายคมนาคมขนส่งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ขยายโอกาสการค้าและการลงทุน กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต สร้างความกินดีอยู่ดีให้แก่ประชาชน
อีกทั้งยังเป็นเส้นทางสายหลักที่เชื่อมสู่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา และนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ตลอดจนนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ให้ดียิ่งขึ้น ยังช่วยให้ประชาชนสามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่ จ.ระยองได้อย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้นมีความปลอดภัย
รวมถึงมีระบบควบคุมการจราจร จุดพักรถ–พักคน เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งยังมีศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารและหน่วยงานกู้ภัย เพื่ออำนวยความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ทางตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยให้ประชาชนเดินทางเข้าถึงแหล่งงานและแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างสะดวก เสริมสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้แก่ประชาชนในพื้นที่ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน