Marketbuzzz เผยผลสำรวจประชาชนจากกลุ่มตัวอย่าง 1,000 คนทั่วประเทศ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายน – 1 ธันว่าคม 63 ในเรื่อง “ความพร้อมของไทยกับวัคซีนโควิด-19 หากมีวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 ที่พร้อมให้บริการในวันนี้” พบว่าคนไทยส่วนใหญ่ถึง 88% มีความต้องการที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยในกลุ่มนี้ถึง 50% ยังคงวิตกกังวลถึงผลข้างเคียง ส่วน 42% กังวลถึงค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการรักษา
ประชากรถึง 65% รอดูประสิทธิภาพวัคซีนป้องกันโควิด-19 หากมีการผลิตออก
แม้ว่าการพัฒนาการวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยังอยู่ในขั้นตอนทดลอง แต่จากผลสำรวจพบว่า 29% มีความต้องการเข้ารับการฉีดวัคซีน ทำให้เห็นว่า พวกเขามีความพร้อมที่จะเข้ารับวัคซีนในทันที หากมีการผลิตออกมา ขณะที่ 65% รอดูประสิทธิภาพของวัคซีนก่อนที่จะเข้ารับการฉีด
อีกทั้ง ผู้ที่จะเข้ารับวัคซีนรายแรกๆ ยังมีความวิตกวังกลเกี่ยวกับวัคซีนน้อยกว่า และมีความมั่นใจต่อการวิจัยและขั้นตอนของการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ในเรื่องความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ พร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อรับวัคซีน
34% มีกำลังจ่ายค่าวัคซีนอยู่ที่ 100 – 300 บาท
สำหรับกลุ่มคนส่วนใหญ่ยัง พิจารณาถึงความจำเป็นในการเข้ารับการฉีดวัคซีนอย่างระมัดระวัง เนื่องจากมีความกังวลถึงผลข้างเคียงจากการรับวัคซีน และค่าใช้จ่าย ซึ่งความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงและความมั่นใจในประสิทธิภาพของการทำงาน เป็นเหตุผลสำคัญที่คนไทยบางส่วน ยังไม่อยากเข้ารับการฉีดวัคซีน หากมีความพร้อมในการให้บริการวัคซีนแล้วก็ตาม รวมไปถึงความกังวลต่อจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ผลสำรวจได้ชี้ให้เห็นว่าคนไทยยังคงตระหนักถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ในการวิจัยและพัฒนาวัคซีน ซึ่งเป็นผลจากความรวดเร็วในการคิดค้นและผลิตวัคซีนของบริษัทและพัฒนายาระดับโลก ที่ใช้เวลาสั้นกว่าขั้นตอนการวิจัยและพัฒนาโดยทั่วไป จากการสำรวจยังพบอีกว่า ความสามารถในการจ่ายค่าวัคซีนเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก โดยประชาชนส่วนใหญ่ หรือ 34% พอใจกับราคาประมาณ 100-300 บาท
การสร้างความเชื่อมั่นยังคง เป็นสิ่งหนึ่งที่ให้ประชาชนกล้าตัดสินใจ
มร.แกรนท์ บาร์โทลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มาร์เก็ตบัซซ กว่าวว่า ในการสำรวจครั้งนี้ได้ออกแบบมาเพื่อให้ข้อมูลและสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาและผลกระทบในการกำหนดราคาวัคซีนโควิด-19 ในอนาคต เป็นที่แน่ชัดว่าการกำหนดราคาวัคซีนที่เหมาะสมกับทุกคนนั้น เป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะประชาชนผู้ที่มีรายได้น้อย ที่มีความกังวลต่อราคาวัคซีนที่สูง และอีกองค์ประกอบสำคัญคือสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน จากผลสำรวจพบอีกว่า คนไทยจำนวนมากยอมที่จะรับการฉีดวัคซีน การสร้างความมั่นใจควรเริ่มจากหน่วยงานในระดับประเทศ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้เกี่ยวกับวัคซีนและมีข้อมูลมากพอที่ใช้ประกอบการตัดสินใจ
ซึ่งการเตรียมความพร้อม การประสานงาน และการวางแผนในการแจกจำหน่ายวัคซีน จึงมีความสำคัญอย่างมาก ภาครัฐและผู้ให้บริการด้านสาธารณสุขมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน โดยเฉพาะผู้ให้บริการด้านสุขภาพเนื่องจากเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุด