ช่วงที่ผ่านมามีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่ส่งผลต่อตลาดแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนสัดส่วนของผู้สูงอายุ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การขยายตัวของสตาร์ทอัพ รวมถึงเทรนด์การทำงานที่มีความยืดหยุ่น โดยผลสำรวจพบว่า 60% ของคนไทยมีความสุขกับการทำงาน ซึ่งเกิดจากปัจจัยสำคัญคือ การได้ทำงานในสถานที่ที่เดินทางสะดวกและยืดหยุ่นเรื่องเวลาและรายได้
สายงานบริหารมีความสุขสูงสุด
ผลสำรวจดัชนีความสุขในการทำงานของพนักงานไทย ปี 2560 จาก จ๊อบส์ ดีบี ระบุว่า 60% ของคนไทยมีความสุขกับการทำงาน โดย 5 สายงานที่มีความสุขสูงสุด ได้แก่ งานบริหาร (4.95 คะแนน), งานธุรการและทรัพยากรบุคคล (4.94 คะแนน), งานวิศวกรรม (4.86 คะแนน), งานไอที (4.74 คะแนน) และงานขนส่ง (4.73 คะแนน)
เมื่อเทียบระดับความสุขของพนักงานในอีก 6 ประเทศเอเชียที่ร่วมทำการสำรวจครั้งนี้ พบว่า คนไทยมีระดับความสุขเป็นอันดับ 5 รองจาก อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย โดยมีฮ่องกงและสิงคโปร์รั้งท้าย
นอกจากนี้ยังพบว่า เด็กจบใหม่หรือพนักงานที่มีประสบการณ์ทำงานน้อยกว่า 1 ปี มีความสุขในการทำงานน้อยที่สุด โดยคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 4.35 ตามด้วยเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการทั่วไปที่มีอายุงานตั้งแต่ 1-4 ปี คะแนนเฉลี่ย 4.45
ในขณะที่ผู้บริหารระดับสูงมีความสุขในการทำงานมากที่สุดคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 5.19 ตามด้วยระดับผู้จัดการและระดับหัวหน้างานมีระดับความสุขเฉลี่ยที่ 4.64 และ 4.54 ตามลำดับ
เมื่อถามถึงปัจจัยที่จะทำให้พนักงานมีความสุขมากขึ้นในอีก 6 เดือนข้างหน้า พบว่า 37% เลือกลาออกจากงานเพื่อหางานใหม่ ขณะที่ 20% จะพอใจกับชีวิตการทำงานในองค์กรเดิมมากขึ้นหากได้รับการปรับเงินเดือน และ 8% จะมีความสุขกับการทำงานมากขึ้นหากได้รับการยอมรับในผลงานหรือได้รับรางวัลตอบแทน
โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้คนทำงานมีความสุข คือ ทำเลที่ตั้งของสถานที่ทำงาน ชื่อเสียงขององค์กร และเพื่อนร่วมงาน ขณะที่ปัจจัยที่ส่งผลให้ความสุขของพนักงานลดลงคือ การได้ทำงานกับทีมผู้บริหารที่ไม่มีประสิทธิภาพ การอยู่ในองค์กรที่ไม่มอบโอกาสเติบโตในหน้าที่การงาน และการไม่มีโอกาสในการฝึกอบรมและพัฒนาตัวเอง
Gig Worker ตอบโจทย์พนักงานยุคใหม่
ข้อมูลของอเด็คโก้ ประเทศไทย และศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุว่า ปี 2559-2560 ผู้สมัครงานต่างให้ความสนใจงานรูปแบบสัญญาจ้างระยะสั้น หรือ Gig Worker (แรงงานชั่วคราว) มากถึง 53% ทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่า Gig Worker กว่า 30% มีความสนใจการทำงานระยะสั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากไม่ต้องทำงานทุกวันแล้ว ยังมีอิสระในการทำงานควบคู่ไปกับใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
โดยรูปแบบการทำงานของ Gig Worker คือ ทำงานเพียง 2-3 วันต่อสัปดาห์ หรืออาจทำงานที่บ้านผ่านเทคโนโลยีอันทันสมัย ดังนั้นหากเจ้าของงานต้องการดูความคืบหน้าของงานก็สามารถส่งงานทางออนไลน์ได้ทันที ฝ่าย HR จึงต้องปรับรูปแบบสัญญาจ้างงานให้มีความหลากหลาย และเป็นธรรมต่อพนักงานมากขึ้น
ขณะที่ผลสำรวจของดีลอยท์ ระบุว่า ผู้บริหารทั่วโลกกว่า 2 ใน 3 เชื่อว่า เทคโนโลยีจะสร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับธุรกิจ โดย 62% ระบุว่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน, 46% ใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาการมีส่วนร่วมของลูกค้า, 45% มุ่งไปที่การเติบโตของธุรกิจ และ 37% ใช้เทคโนโลยีในการวิจัยและพัฒนา
ความท้าทายของผู้นำองค์กรนอกเหนือจากสร้างรายได้และเพิ่มผลิตผลให้แก่องค์กรแล้ว ยังต้องสามารถสร้างแรงจูงใจ และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นเอกลักษณ์ได้อีกด้วย ซึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กร คือการส่งเสริมและสนับสนุนให้พนักงานได้พัฒนาศักยภาพตัวเอง พร้อมๆ กับการสร้างโอกาสการเติบโตในหน้าที่การงาน
ผลสำรวจเรื่อง “หัวหน้าแบบไหนที่ลูกน้องคนไทยอยากทำงานให้” จากบริษัทอเด็คโก้ ประเทศไทย พบว่า คุณสมบัติของหัวหน้าที่ลูกน้องต้องการมากที่สุด คือ มีความยุติธรรม โดยส่วนใหญ่หวังให้หัวหน้าให้ความเสมอภาคกับทุกคนในทีม ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวหรือพวกพ้อง แต่ควรตัดสินคนจากผลงานและความถูกต้อง รองลงมาคือ สื่อสารชัดเจน, มีเหตุผล, ไม่เอาเปรียบลูกน้อง, ให้เกียรติ และรับฟังความคิดเห็นของลูกน้องตามลำดับ
เมื่อเจาะลึกไปในแต่ละเจเนอเรชัน พบว่า คนรุ่นใหม่ต้องการทำงานกับหัวหน้าที่รับฟัง มีเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ เปิดโอกาสให้ลูกน้องแสดงความคิดเห็นและความสามารถ มีการสั่งงานที่ชัดเจน ไม่เอาเปรียบลูกน้อง เคารพเวลาส่วนตัว และไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของลูกน้องมากเกินไป
ไม่เพียงแต่การปรับตัวของหัวหน้างานและลูกน้องเท่านั้นที่จะพาองค์กรให้ก้าวเดิน แต่ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวเข้ามาเป็นส่วนสำคัญขององค์กร ผู้บริหารจึงต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์เพื่อรับมือกับความท้าทายของการทำงานในยุคดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย
คุณธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาคไทยและเวียดนาม กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ ประเทศไทย
“หัวหน้ามีส่วนสำคัญต่อการที่ลูกน้องจะตัดสินใจลาออกหรืออยู่ต่อ ความท้าทายของผู้นำในยุคนี้นอกจากการบริหารงานแล้ว การบริหารคนก็สำคัญ ยิ่งปัจจุบันคนยุค Millennial ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในองค์กร ผู้นำจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอัพเดทตัวเองอยู่เสมอ ทำตัวให้ทันสมัย เปิดใจกว้าง และสนุกกับการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ต่างๆ”