นับเป็นเหตุการณ์ที่โด่งดังไปทั่วโลก สำหรับกรณีการเสียชีวิตของคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของคิง เพาเวอร์ และสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ผู้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 5 ของไทย
มหาเศรษฐีอันดับ 5 ของไทย
ค่ำคืนวันเสาร์ ที่ 27 ตุลาคม 2561 พลันที่เฮลิคอปเตอร์ตกใกล้กับสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดียมของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นผลให้ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ธุรกิจจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีรายใหญ่ของประเทศไทย และประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ได้เสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน ทั้งนี้ จากการจัดอันดับมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2561 โดยนิตยสารฟอร์บส ไทยแลนด์ ระบุว่าคุณวิชัย ครอบครองทรัพย์สินกว่า 1.625 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สิน 1.621 แสนล้านบาท โดยเป็นผู้ร่ำรวยที่สุดอันดับ 5 ของประเทศไทย ส่วนบุคคลที่รวยที่สุดอันดับ 1 ในปีนี้ยังคงเป็นตระกูลเจียรวนนท์ (เครือเจริญโภคภัณฑ์) ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 9.377 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมในปี 2560 ที่มีมูลค่าทรัพย์สิน 7.417 แสนล้านบาท
ผู้บุกเบิกธุรกิจดิวตี้ฟรีไทย
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุถึงผลประกอบการบริษัท 17 แห่งของครอบครัวศรีวัฒนประภา ในปี 2560 มีสินทรัพย์รวม 88,941.27 ล้านบาท หนี้สินรวม 70,745.09 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 18,196.24 ล้านบาท ส่งผลให้มีรายได้รวม 108,627.06 ล้านบาท รายจ่ายรวม (ค่าดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้) 97,843.51 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 11,545.25 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มผู้จับจ่ายซื้อสินค้าปลอดภาษี ส่วนใหญ่ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวจีน คิดเป็นสัดส่วน 50% ตามมาด้วยกลุ่มคนไทย 15% ส่วนอีก 35% เป็นกลุ่มคนยุโรป และ AEC
ซึ่งรายงานของ Euro- monitor ระบุว่าในปี 2559 นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศ ไทยใช้จ่ายกับการซื้อสินค้าปลอดภาษีเฉลี่ยคนละ 47 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1,550 บาท สร้างรายได้รวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท นับว่าธุรกิจดิวตี้ฟรีนำรายได้เข้าสู่ประเทศชาติจำนวนมหาศาล
ทั้งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2532 นับเป็นปีที่ธุรกิจดิวตี้ฟรีอย่างเต็มรูปแบบเริ่มต้นขึ้นในประเทศไทย ภายหลังจากคุณวิชัยตั้งบริษัท ดาวน์ทาวน์ ดี.เอฟ.เอส (ไทยแลนด์) จำกัด เข้าร่วมทุนกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดกิจการร้านค้าปลอดอากรในเมืองเป็นแห่งแรกของเมืองไทย ที่อาคารมหาทุนพลาซ่า ถ.เพลินจิต ก่อนที่ในปี 2536 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท คิง เพาเวอร์ แท็กฟรี จำกัด โดยได้รับสัมปทานจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในท่าอากาศยานดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต และหาดใหญ่ รวมทั้งได้รับอนุญาตจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร จากนั้นได้รับสัมปทานบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน และสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ให้เช่าที่ดิน ริม ถ.ศรีอยุธยา-รางน้ำ ทำโครงการคิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์
ปัจจุบัน คิง เพาเวอร์ มีร้านค้าจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีในไทย 9 แห่ง ประกอบด้วย สนามบิน 5 แห่ง ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, ภูเก็ต, เชียงใหม่ และหาดใหญ่ ร้านค้าจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีในเมือง 4 แห่ง ได้แก่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ, ศรีวรา ถ.บางนา-ตราด กม.18, พัทยา และภูเก็ต
มหาเศรษฐีใจสปอร์ต
นอกจากการธุรกิจจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ยังเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ทีมในพรีเมียร์ ลีก ของอังกฤษ ซึ่งเข้าเทคโอเวอร์สโมสรเมื่อปี 2553 ด้วยมูลค่าเกือบ 40 ล้านปอนด์ โดยคุณวิชัยได้เผยถึงหนึ่งในเหตุผลที่ต่อยอดสู่ธุรกิจกีฬาว่า แม้ฟุตบอลจะสร้างรายได้ยากและมีแต่เสียเงิน แต่ตนไม่ได้ตั้งใจจะทําฟุตบอลเป็นธุรกิจอยู่แล้ว ที่ทําเพราะอยากให้ชาวโลกรู้จักประเทศไทยมากขึ้น แม้ช่วงแรกๆ จะไม่ได้รับการยอมรับจากแฟนบอลที่ค่อนขอดว่าเป็นเพียงการเข้ามาหารายได้ประเดี๋ยวประด๋าว แต่ภายหลังคุณวิชัยก็พิสูจน์ให้เห็นถึงการสร้างความสำเร็จด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง ซึ่งเพียง 5 ปีจากทีมหนีตกชั้นเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ก็ทะยานคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ราวกับเทพนิยาย โดยปี 2560 สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ มีทรัพย์สินรวม 108.4 ล้านปอนด์ ราว 4,590 ล้านบาท ขณะที่นิตยสารฟอร์บส สหรัฐอเมริกา ประเมินมูลค่าปัจจุบันของสโมสรไว้ที่ 371 ล้านปอนด์ นอกจากนั้นคุณวิชัยยังเป็นที่รักของแฟนบอลจิ้งจอกสยามเป็นอย่างยิ่ง
คุณวิชัยยังให้การสนับสนุนด้านกีฬาอีกหลายโครงการ เช่น โครงการ Fox Hunt คัดเลือกเยาวชนไทยไปฝึกฟุตบอลที่เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยเป้าหมายพัฒนานักฟุตบอลไทยสู่ระดับสากล สร้างสนามฟุตบอลให้เยาวชนไทย 100 สนาม และแจกลูกฟุตบอล 1 ล้านลูก เป็นต้น อีกทั้งยังได้สนับสนุนโครงการก้าวคนละก้าว มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท มอบตู้อบเด็กให้แก่โรงพยาบาล 20 แห่ง และมูลนิธิ คิง เพาเวอร์ ได้ริเริ่มทำริชแบนด์ เรารักพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อีกด้วย
อาณาจักรคิง เพาเวอร์ ในวันที่ไม่มี วิชัย ศรีวัฒนประภา
หลังการสูญเสียหัวเรือใหญ่ของคิง เพาเวอร์และครอบครัวศรีวัฒนประภาไปอย่างกะทันหัน หนึ่งในคำถามที่สำคัญคือใครจะเป็นผู้ก้าวขึ้นมาดูแลอาณาจักรแสนล้านบาทแห่งนี้ ซึ่งประเด็นดังกล่าว คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา เคยได้ให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2557 ว่าตนได้เกษียณตั้งแต่อายุ 50 ปีแล้ว โดยได้ให้บุตรทั้ง 4 ประกอบด้วยคุณวรมาศ, คุณอภิเชษฐ์, คุณอรุณรุ่ง และคุณอัยยวัฒน์ เลือกว่าใครจะขึ้นมาแทนที่ตนกันเอง ปรากฏว่าผู้ที่ถูกเลือกคือ คุณอัยยวัฒน์ โดยได้ถือหุ้น 60% ส่วนอีก 3 คนได้ 10% เท่ากัน
คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ได้เผยถึงแผนยกระดับ คิง เพาเวอร์ ในระยะเวลา 5 ปี (ปี 2560-2564) หวังขึ้นเป็นธุรกิจดิวตี้ฟรี 5 อันดับแรกของโลกให้ได้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในอันดับ 7 โดยทุ่มลงทุนขยายธุรกิจถึง 12,500 ล้านบาท โดยได้ทำการปรับปรุง คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ซอยรางน้ำ ด้วยงบ 2,500 ล้านบาท ทั้งยังได้นำร้านอาหาร Street Food ชื่อดังที่คนไทยรู้จัก 18 ร้าน เช่น ผัดไทยประตูผี, เป็ดดินแดง, รองเมืองเกาเหลา เป็นต้น มาจัดจำหน่ายเพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รู้จักอีกด้วย
นอกจากนั้นจะปรับปรุงพื้นที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขาให้ทันสมัยและหรูหรา เพิ่มแบรนด์สินค้าใหม่ๆ รวมถึงแผนขยายสาขาเพิ่ม เช่น สนามบินอู่ตะเภา ที่อยู่ระหว่างรอทางภาครัฐเปิดสัมปทาน เป็นต้น และจะขยายธุรกิจออกไปยังต่างประเทศ โดยเป้าหมายหลักคือ ประเทศในอาเซียน เช่น ฟิลิปปินส์ และพม่า เป็นต้น อีกทั้งได้พัฒนาแพลตฟอร์มขายสินค้าบนโลกออนไลน์ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการชอปสินค้ามากขึ้น
ส่วนกรณีที่ท่าอากาศยานไทย เตรียมจะเปิดประมูลโครงการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง รวมถึงท่าอากาศยานในภูมิภาคอีก 3 แห่ง (เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ต) ที่คิง เพาเวอร์ จะหมดอายุสัมปทานในเดือน ก.ย. ปี 63 นั้น คิง เพาเวอร์ มีความพร้อมเข้าประมูลเต็มที่ โดยคาดว่าผู้ที่ยื่นประมูลครั้งนี้ เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น Lotte, Shilla, Central, The Mall รวมถึง บมจ.กรุงเทพการบิน ซึ่งทำให้ต้องดูว่าจากนี้ไปอาณาจักรคิง เพาเวอร์ยุคใหม่จะมีทิศทางอย่างไรต่อไป ท่ามกลางกระแสการจัดระเบียบใหม่ในอุตสาหกรรมดิวตี้ฟรีไทย
___________
คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา – ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รองประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้
“ผมขอขอบคุณทุกคนจากใจ ครั้งนี้ทำให้ผมรู้ว่าคุณพ่อยิ่งใหญ่ระดับโลกและอยู่ในหัวใจของหลายคน ผมภูมิใจที่ได้เกิดมามีพ่อที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ ผมเป็นคนที่รับไม้ต่อจากคุณพ่อ ผมจะไม่มีทางทำให้คุณพ่อผิดหวัง คุณพ่อสอนผมให้เข้มแข็งและเป็นคนดูแลครอบครัวมานานมาก ท่านมีวิธีการสอนให้ผมเติบโตแบบไม่รู้ตัว ท่านเป็นแบบอย่างในการทำงานและใช้ชีวิต ซึ่งทุกอย่างอยู่ในตัวผมแล้ว”