Saturday, December 2, 2023
More

    กรุงเทพฯ เมืองท่องเที่ยวโลก นทท.ทะยานแตะ 23.6 ล้านคน

    เป็นเรื่องน่ายินดีที่กรุงเทพฯ​ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นรองแชมป์เมืองที่นักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด ซึ่งคาดว่าอีก 7 ปีจะมีตัวเลขนักท่องเที่ยวแตะ 40 ล้านคน ขณะที่คนไทยนิยมเที่ยวต่างประเทศแบบโซโล่มากขึ้น อีกทั้งล่าสุด อโกด้า ผู้ให้บริการจองห้องพักออนไลน์ จัดเก็บข้อมูลจากการจองที่พักของนักท่องเที่ยว ในปี 2018 พบว่า กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเยือนมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ก่อนจะเดินทางต่อไปยังจังหวัดอื่นๆ ในประเทศ และพัทยา ก็ติดอันดับจากการจัดเก็บสถิติในครั้งนี้ด้วย


    นักท่องเที่ยวมาเยือน กรุงเทพฯ 23.6 ล้านคน
    นับเป็นอีกปีที่กรุงเทพมหานครยังคงเป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำของโลก จากการเปิดเผยรายงาน 100 เมืองที่นักท่องเที่ยวเยือนมากที่สุดในโลก ปี 2561 (Top 100 City Destination 2018) จากการสำรวจทั้งหมด 600 เมือง โดยยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล พบว่า กรุงเทพฯ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเยือนประมาณ 23,688,800 คน เพิ่มขึ้น 5.5% จากปี 2560 ซึ่งมีจำนวน 22,453,900 คน ส่งผลให้กลายเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด อันดับ 2 ของโลก ส่วนอันดับ 1 เป็นของฮ่องกง ซึ่งครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 8 โดยมีนักท่องเที่ยวเยือนประมาณ 29,827,200 คน ขณะที่ทวีปเอเชียได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ติดอันดับมากถึง 41 แห่ง ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ รั้งอันดับ 4 ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 18,551,200 คน ขณะที่ มาเก๊า ได้อันดับ 5 จำนวน 18,931,400 คน รวมถึงดูไบ อันดับ 7 ที่ 16,658,500 คน 

    นอกจากนี้ยังมีเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของไทยติดอันดับโลกในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน โดย ภูเก็ต รั้งในอันดับ 11 ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 11,949,500 คน เพิ่มขึ้น 2.9% จากปี 2560 ที่มี 11,613,100 คน ส่วน พัทยา ปีนี้ตกมาอยู่ในอันดับ 25 จากอันดับ 24 ด้วยจำนวน 8,620,000 คน แต่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 5.3% เป็น 16.1%

    ทั้งนี้คาดการณ์ว่าในปี 2563 กรุงเทพฯ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเยือนเพิ่มขึ้นเป็น 28.5 ล้านคน และในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 39.8 ล้านคน


    ด้าน อโกด้า ผู้ให้บริการจองห้องพักออนไลน์ จัดเก็บข้อมูลจากการจองที่พักของนักท่องเที่ยว ในปี 2018 พบว่า กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเยือนมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ก่อนจะเดินทางต่อไปยังจังหวัดอื่นๆ ในประเทศ และพัทยา ก็ติดอันดับจากการจัดเก็บสถิติในครั้งนี้ด้วย

    สำหรับ 10 อันดับ เมืองยอดนิยม ที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุด ประจำปี 2018 ได้แก่
    อันดับ 1 กรุงเทพมหานคร
    อันดับ 2 โตเกียว
    อันดับ 3 กัวลาลัมเปอร์
    อันดับ 4 ฮ่องกง
    อันดับ 5 โอซาก้า
    อันดับ 6 ไทเป
    อันดับ 7 โซล
    อันดับ 8 สิงคโปร์
    อันดับ 9 บาหลี
    อันดับ 10 พัทยา
    คนไทยชอบฉายเดี่ยวเที่ยวเมืองนอก
    ขณะที่เทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวในหมู่คนไทยกำลังได้รับความนิยม ซึ่งจากผลสำรวจเกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวระดับโลกของวีซ่า (Visa Global Travel Intentions Study) ระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวไทย 28% เลือกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวแบบโซโล่ ไปยังต่างประเทศในช่วงสองปีที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 23% และนักท่องเที่ยวทั่วโลก 24%

    เมื่อเจาะลึกลงไปพบว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยอายุระหว่าง 18 – 24 ปี เลือกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวสูงที่สุด ในสัดส่วน 45% โดย 37% เป็นนักเดินทางที่ท่องเที่ยวและทำงานไปพร้อมๆ กัน ขณะที่ช่วงอายุ 25 – 35 ปี และกลุ่มนักท่องเที่ยวกำลังทรัพย์สูง เลือกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว 28%

    ในทางกลับกันนั้น กลุ่มนักท่องเที่ยวในช่วงอายุ 36 – 44 ปี กว่า 71% เลือกที่จะเดินทางไปเป็นหมู่คณะมากกว่า ทั้งนี้ โดยปกติแล้วขนาดของหมู่คณะโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 5 คน และในกลุ่มมักจะประกอบไปด้วย คนรัก/คู่สมรส 49% เพื่อน/เพื่อนร่วมงาน 42% ขณะที่ผู้สูงวัยกว่า 72% ยังชอบเดินทางกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง

    เน้นที่เที่ยวห้ามพลาดในต่างแดน

    ในส่วนของกิจกรรมระหว่างการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ได้รับความนิยม อันดับ 1 คือการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาด 71% ตามด้วยลิ้มรสอาหารท้องถิ่น 69% และการชอปปิง 68% ซึ่งแตกต่างจากนักท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิก ที่จะเลือกลิ้มรสอาหารท้องถิ่น เป็นอันดันแรก 73% ตามด้วยการชอปปิง 69% และเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาด 64%

    ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวชาวไทยยังนิยมที่จะทานอาหารในร้านอาหารท้องถิ่นหรือร้านอาหารขนาดเล็ก 39% มากกว่าร้านสตรีทฟูด 30% ส่วนการชอปปิง ที่ถือว่าเป็นกิจกรรมที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเดินทางไปยังต่างประเทศ คนไทยจะเน้นการชอปปิงในสถานที่ที่มีสินค้าและร้านค้าที่หลากหลายเป็นหลัก อาทิ ร้านปลอดภาษีในสนามบิน 34% ตามมาด้วย ห้างสรรพสินค้าขนาดกลางและขนาดใหญ่ 33% และร้านค้าขนาดเล็ก 30%

    กรีนแลนด์จุดหมายยอดฮิตชาวไทย

    ปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวไทยกำลังมองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่โดดเด่นแปลกใหม่มากขึ้น จากเทรนด์การเดินทางแบบ JOMO (โจโม) หรือ Joy of Missing Out ซึ่งคือการออกนอกกรอบไปใช้ชีวิตตามที่ใจปรารถนา และมีความสุขจากการหายตัวไปสักพักหนึ่ง ซึ่ง Hotels.com ได้เผยข้อมูลว่า ในปีนี้มีอัตราการค้นหาข้อมูลจุดหมายปลายทางที่อยู่ไกลๆ สูงขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะอัตราการค้นหาข้อมูลโดยใช้คีย์เวิร์ดที่เสิร์ชเกี่ยวข้องกับประเทศกรีนแลนด์ เพิ่มขึ้นเกือบ 360% ส่วนสำคัญมากจากการเดินทางไปชมปรากฏการณ์แสงเหนือบนฟากฟ้าในกรีนแลนด์ ที่สามารถชมได้ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนเมษายน

    เผยแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในเอเชียที่กำลังฮิต
    ขณะที่ คีรีทราเวล (Khiri Travel) ผู้นำเที่ยวทั้งในประเทศไทยและประเทศในแถบอินโดจีน ได้เปิดเผย 5 แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจ โดยมี จ.น่าน ทางภาคเหนือของไทย ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เพราะเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม เป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติที่สวยงามมากมาย สามารถเดินทางผ่านเข้าไปยังหลวงพระบางในประเทศลาวได้อย่างสะดวก

    นอกจากนั้นมี Flores ประตูสู่ Komodo ที่จะพัฒนาสู่การเป็นสุดยอดจุดหมายปลายทางใหม่ในอินโดนีเซีย เกาะต่างๆ ในกัมพูชา อย่าง Koh Rong Samloem ก็กำลังเป็นที่นิยม และทำให้กัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว Stand Alone ซึ่งมีการสร้างรีสอร์ทที่หรูหรา และสะดวกสบายหลายแห่ง โดยจะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้ หมู่เกาะ Mergui ทางภาคใต้ของพม่า ที่กำลังมีการพัฒนาสร้างรีสอร์ทสวยงามหรูหราหลายแห่ง ทั้งยังสามารถเดินทางไปถึงได้จากทางภาคใต้ของไทย และอุทยานแห่งชาติ Kumana ในศรีลังกา ซึ่งอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติ Yala ที่ยังมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่มาก และเหมาะสำหรับการเที่ยวชมสัตว์ป่าซาฟารี

    คาดการณ์ 5 แนวโน้มการท่องเที่ยว

    คีรีทราเวล ยังได้เปิดเผยมุมมองต่อการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ว่า จีนจะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเอเชียและของโลก รวมถึงด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของโลก และอินเดียจะเข้ามาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงต่อจากจีน นอกจากนี้ในยุคดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง จะสร้างสรรค์ความสะดวกสบายทำให้กระแสการท่องเที่ยวแบบอิสระด้วยตนเองทวีความชัดเจนมากขึ้น สายการบินราคาประหยัดจะเพิ่มจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ธุรกิจจะเสนอผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น รวมถึงการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งจะหายไปจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกา และยุโรปตะวันตก คาดหวังที่จะไม่ได้เห็นการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ไปเยือน

    อีกทั้งยังได้คาดการณ์แนวโน้มการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้น ได้แก่ 1. เทคโนโลยีโลกเสมือนผสานโลกความเป็นจริง (Augmented Reality: AR) จะเปลี่ยนโฉมหน้าการท่องเที่ยว และเพิ่มคุณค่าให้กับแหล่งท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น พิพิธภัณฑ์ อุทยานแห่งชาติ ร้านอาหาร รวมถึงงานแสดงสินค้า และบริการด้านการ  ท่องเที่ยว 2. ในยุคที่การเดินทางท่องเที่ยว  และปัญหาภาวะนักท่องเที่ยวล้นเมืองเพิ่มขึ้น ธุรกิจท่องเที่ยวต้องพยายามเป็นทวีคูณเพื่อดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ 3. ปัญหาทางการเงิน ความผันผวนของสกุลเงิน ราคาน้ำมัน ภัยธรรมชาติ การก่อการร้าย และการระบาดของโรค จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างเป็นระยะๆ ต่อการท่องเที่ยว แต่การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวก็สามารถเกิดขึ้นได้เร็วเช่นกัน 4. การโฆษณาด้านการท่องเที่ยวจะถูกกำหนดให้ยึดหลักความเป็นจริงมากขึ้น อย่างภาพชายหาดที่สวยงามเงียบสงบปราศจากนักท่องเที่ยว ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงคือมีนักท่องเที่ยวล้นชายหาด ขณะที่สหภาพยุโรปจะกำหนดบทลงโทษผู้ที่ละเมิด หรือโฆษณาชวนเชื่อเกินความจริง และ 5. การเดินทางท่องอวกาศและธุรกิจท่องเที่ยวอวกาศจะจับต้องได้ในโลกแห่งความเป็นจริง
    __________
    คุณสุริพงษ์ ตันติยานนท์ – ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย
    “เป็นเรื่องตื่นเต้นที่พบว่าเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ส่งผลให้เกิดนักท่องเที่ยวชาวไทยแบบโซโล่ไปยังต่างประเทศมากยิ่งขึ้น การพัฒนาของเทคโนโลยีช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนท่องเที่ยวและจองที่พักได้ด้วยตนเองมากขึ้น นอกจากนั้นเทคโนโลยีในการชำระเงินและนวัตกรรมต่างๆ ยังเข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวก ความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจในการใช้จ่ายระหว่างท่องเที่ยวในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น”