ก่อนหน้านี้หลายปีพื้นที่รอบๆ แยกบางนาเป็นอะไรที่ไกลมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึง ย่านลาซาลและแบริ่ง ยิ่งถือว่าไกลมาก เพราะอีกไม่กี่เมตรก็เข้าเขต จ.สมุทรปราการ แต่เมื่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ต่อขยายจากสถานีอ่อนนุชมาถึงสถานีแบริ่ง เปิดให้บริการในปี 2554 ทำให้พื้นที่โดยรอบแยกบางนา โดยเฉพาะบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบางนาและแบริ่ง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ในซอยลาซาล ซอยแบริ่ง และพื้นที่ในซอยฝั่งตรงข้ามด้วย หรือ “ลาซาล ดิสทริค” เกิดการเปลี่ยนแปลง
ลาซาล ดิสทริค ทำเลดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ
ย่าน ‘‘ลาซาล ดิสทริค’’ เป็นทำเลที่ไม่ไกลจากเมืองชั้นใน เนื่องจากมีเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ต่อขยายมาจากโซนชั้นใน ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าสายหลักของกรุงเทพฯ ที่สามารถนั่งจากต้นทางทางทิศเหนือมาถึงชานเมืองทางใต้ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน และในอนาคตยังจะเชื่อมกับ จ.ปทุมธานี และ จ.สมุทรปราการ พื้นที่ตลอดแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายนี้จึงมีความน่าสนใจ แต่ด้วยราคาที่ดินในหลายทำเลสามารถพัฒนาได้เฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมราคาแพง ผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาโครงการคอนโดฯ ราคาไม่แพง หรือสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อขนาดใหญ่ ก็ต้องเลือกซื้อที่ดินในทำเลที่ไกลออกมา
พื้นที่รอบๆ สถานีรถไฟฟ้าบางนาและแบริ่ง ในซอยลาซาลและซอยแบริ่ง จึงเป็นทำเลที่ผู้ประกอบการหลายรายเลือกเปิดโครงการคอนโดฯ เพื่อรองรับคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยในราคาที่ไม่สูงเกินไป โดยก่อนหน้านี้เปิดขายกันในราคา 1 ล้านบาทต่อยูนิตเท่านั้น ขณะที่ปัจจุบันหลายโครงการอาจจะขยับไปเป็น 3 ล้านบาทต่อยูนิต แต่ก็ยังสามารถหาคอนโดฯ ในราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทต่อยูนิตได้
ขณะเดียวกันการที่พื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าบางนาและแบริ่ง อยู่ตรงกลางระหว่างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ที่จะมาบรรจบกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานีสำโรง รวมทั้งรถไฟฟ้ารางเบาจากแยกบางนาไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้พื้นที่นี้มีความน่าสนใจ และเป็นทำเลแห่งอนาคตอีกทำเลของกรุงเทพฯ
ฮับแห่งใหม่ของการอยู่อาศัยของชาว ‘‘ลาซาลเลียน’’
ย่านซอยลาซาลและซอยแบริ่งก่อนหน้านี้เป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยแบบดั้งเดิมมีแต่บ้านขนาดใหญ่ อาคารพาณิชย์เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เพราะราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น จนเจ้าของที่ดินต้องขายที่ดินให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการนำมาพัฒนาโครงการคอนโดฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” ที่เรียกได้ว่ายึดหัวหาดของซอยลาซาลและแบริ่งไว้เกือบทั้งหมด จนสามารถขยายตัวจนเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ได้ในปัจจุบัน ยังไม่นับรวมถึงดีเวลลอปเปอร์รายน้อยใหญ่อีกมากมายที่เริ่มรุกเข้ามาในย่านนี้มากยิ่งขึ้น อย่าง บจ. มานะ พัฒนาการ, บจ. พรไพลิน, บจ. ออลอินฯ อีกทั้งยังมีอีกหลายรายที่มองหาทำเลในการทดสอบศักยภาพของตัวเอง
การที่เป็นทำเลไม่ไกลจากเมืองชั้นใน เดินทางได้โดยสะดวก และราคาที่ดินในซอยหรือถนนสายรองยังไม่สูงเกินไป ผู้ประกอบการจึงเข้ามาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดฯ มากมาย โดยในซอยลาซาล ซอยแบริ่ง และซอยฝั่งตรงข้าม มีจำนวนคอนโดฯ มากกว่า 18,406 ยูนิต ประมาณ 37% อยู่ในซอยลาซาล ส่วนอีกประมาณ 17% อยู่ในซอยแบริ่ง และกว่า 20% อยู่ในซอยสุขุมวิท 70-76 (ฝั่งเลขคุ่) ที่เหลืออยู่ติด ถ.สุขุมวิท
เมื่อส่วนใหญ่เป็นโครงการในซอย จึงเป็นโครงการขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ที่มีความสูงไม่เกิน 23 เมตร จำนวนยูนิตไม่มาก แต่ก็มีจำนวนโครงการรวมแล้วประมาณ 46 โครงการ แน่นอนว่าเมื่อมีคอนโดฯ มากมายขนาดนี้ ย่อมส่งผลให้มีจำนวนคนที่เข้ามาพักอาศัยในพื้นที่นี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงเห็นการเพิ่มขึ้นของร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร และบริการต่างๆ ด้วยเช่นกัน
ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองครบ สไตล์ลาซาลเลียน
ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ย่านลาซาล ดิสทริค มีโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ และโครงการพื้นที่ค้าปลีกเปิดให้บริการมากมาย ทั้ง LASALLE AVENUE ที่มี Uniqlo Roadsite Store, STARBUCK, VILLA MARKET, โครงการดาดฟ้าคอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งมีร้านสลัดดังอย่างโอ้กระจู๋, โครงการค้าปลีก SUNNY at Summer Lasalle ที่เน้นกลุ่ม Food & Beverage มากถึง 60-80% และไม่ได้เน้นแบรนด์เหมือนห้างสรรพสินค้าทั่วไป รวมไปถึงร้านเบอร์เกอร์เจ้าดังอย่าง SUBWAY Stand Alone เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ ซึ่งต้องการสถานที่เพื่อการพักผ่อนหรือคลายเครียดจากการทำงาน รวมไปถึงสถานที่สำหรับการจับจ่ายใช้สอยสินค้าจำเป็นโดยไม่ต้องเดินทางไปไกลๆ
ขณะเดียวกันก็มีโครงการพาณิชยกรรมรูปแบบต่างๆ เข้ามารองรับ ไม่ว่าจะเป็น Summer Lasalle โครงการมิกซ์ยูสในคอนเซ็ปต์ออฟฟิศแคมปัส รวมไปถึงโครงการรูปแบบอื่นๆ เช่น การขยายของศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา, การต่อเชื่อมของสกายวอล์ค การพัฒนาโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่างบางกอกมอลล์, การพัฒนาเมกะบางนาเฟส 2 รวมไปถึงการเปิด Outlet Store ขนาดใหญ่จากบริษัทรีเทลลยักษ์ใหญ่อย่างเซ็นทรัล ที่รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยว และผู้อยู่อาศัยรอบๆ
นอกจากนี้ ยังรายล้อมด้วยโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง อย่าง Bangkok Patana และ St.Andrew International แสดงให้เห็นว่าเป็นทำเลที่ค่อนข้างเหมาะกับคนอยู่อาศัยใช้ชีวิต การเข้ามาของคนที่เพิ่มมากขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของคอนโดฯ เป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านอื่นๆ ตามมา ซึ่งเชื่อว่า ‘‘ลาซาล ดิสทริค’’ จะยังคงมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาต่อไป เพื่อตอบรับกับการใช้เข้ามาชีวิตของทุกคน