Wednesday, September 27, 2023
More

    การปลูกผม ทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาผลร่วงได้อย่างตรงจุด!

    ปัจจุบันผู้ที่พบปัญหาอาการผมร่วง ผมบางจนหมดความมั่นใจในการดำเนินชีวิต จนต้องพึ่งอาหารเสริม ใช้แชมพูสมุนไพรในการแก้ไขที่อาจได้ผลดีกับบางท่าน แต่บางรายที่เจอปัญหาผมร่วงรุนแรงอาจจะต้องพึ่งวิธีการศัลยกรรมปลูกผม ดังนั้นบทความต่อไปนี้ จะช่วยไขข้อสงสัยในการปลูกผมที่เป็นหนึ่งในตัวเลือกของการรักษาปัญหาผมร่วงได้อีกทางหนึ่งนั้นเอง

    วิธีการปลูกผมคืออะไร?

    การปลูกผม (Hair Transplant) คือ การศัลยกรรมปลูกผมโดยการเคลื่อนย้ายรากผม เส้นผม หรือเส้นขนของผู้เข้ารับการรักษา จากในบริเวณที่หนึ่งมายังอีกที่หนึ่งในจุดที่ต้องการ ซึ่งเป็นบริเวณที่พบปัญหาผมบาง ผมร่วง ศีรษะล้านนั้นเอง


    ซึ่งรากผมของผู้เข้ารับการรักษา จะมาจากรากผมได้หลายจุด ไม่ว่าจะเป็นรากผมบริเวณท้ายทอยของหนังศีรษะ ช่วงเหนือกกหู ในเพศชายบางท่านแพทย์จะนำรากเส้นขนจากขนหน้าอกมาช่วยร่วมด้วย เป็นต้น รากผมที่กล่าวมาในบริเวณท้ายทอยนี้มักจะแข็งแรงมากกว่าบริเวณอื่น ทั้งยังไม่มีผลต่อฮอร์โมน DHT ที่เป็นอีกสาเหตุที่มักจะทำให้เกิดผมร่วง ผมบางได้ โดยเฉพาะในเพศชายนั้นเอง

    เมื่อได้ทำการปลูกผมด้วยกอรากผม – กอเส้นขนในบริเวณใหม่ที่พบปัญหา ดังเช่น ปลูกผมหน้าผาก รวมทั้งปลูกผมกลางหัวแล้วนั้น ผมใหม่ที่ทำการปลูกผมจะสามารถหลุดร่วงตามปกติ แต่ผมเหล่านั้นก็สามารถมีผมเส้นใหม่งอกขึ้นมาได้เหมือนเดิม ตามวงจรของผมปกตินั้นเอง

    ทำไมถึงเรียกว่ากราฟท์ผม

    กราฟท์ผม (Graft) หรือ กอรากผม คือ ชื่อเรียกหน่วยกอรากผมในกระบวนการของการศัลยกรรมปลูกผม เป็นชื่อเรียกกอผมที่เลือกมาจากบริเวณท้ายทอย – ช่วงกกหู ดึงออกมาใช้ปลูกผมแทนในบริเวณที่ผมขาดหลุดร่วง ปกติกราฟท์ผมจะมีเส้นผมรวมกันอยู่จำนวนหนึ่ง บางกอจะมีรากผมที่แข็งแรงสมบูรณ์ กราฟท์ผมในแต่ละกอจะมีเส้นผมตั้งแต่ 1 – 4 เส้น โดยแต่ละกราฟท์จะขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของกอรากผมที่ถูกดึงขึ้นมา

    กราฟท์ผมแต่ละกอนั้นจะถูกคัดแยกรากผมตามจำนวนเส้นผมและคุณภาพ ก่อนนำมาทำการปลูกผม โดยต้องใช้ความละเอียดรอบคอบความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่ทำการรักษา เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ช่วยให้เพิ่มความมั่นใจในการรักษาให้กับผู้เข้ารับการรักษา

    ปัญหาผมร่วงเกิดจากอะไรบ้าง?

    ปัญหาผมขาดหลุดร่วง ผมบาง ศีรษะล้านที่ได้พบเจอนั้น ปัญหาดังกล่าวมีสาเหตุจากสิ่งใด รวมทั้งเกิดจากอะไร ซึ่งท่านต้องเข้าปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการแก้ไขด้วยการรับประทานยา หรือรักษาด้วยการปลูกผม ปัญหาผมร่วง ผมบางดังกล่าวสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้ 

    – สภาพจิตใจของผู้มีอาการผมร่วง มักเกิดจากความเครียดสะสมที่มาจากการทำงาน การความกดดันตนเองเกินไป ความเครียดจากการคาดหวังของผู้คนรอบข้าง แม้แต่การได้พบเจอกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง จึงทำให้เกิดปัญหาผมร่วงได้นั้นเอง

    – การไม่ดูแลรักษาสภาพเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการเกาศีรษะแรง, การใช้ยางมัดผมแน่นรั้งเส้นผมเกินไป, การม้วนผมด้วยความร้อนสูงสุด, การย้อมผมบ่อยจนทำให้ผมปรับสภาพฟื้นฟูไม่ทัน, ใช้น้ำร้อนสระผม รวมทั้งหวีผมขณะผมเปียกชื้น เป็นต้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ผมเปราะบาง ขาดหลุดร่วงได้ง่ายอีกด้วย

    – การรับประทานอาหาร เกิดจากการไม่ทานครบ 5 หมู่ การรับประทานอาหารที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย พร้อมกับทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์เป็นระยะเวลานาน รวมทั้งการอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักไม่ถูกวิธี จึงทำให้ขาดสารอาหาร ขาดธาตุเหล็ก ขาดโปรตีน จนไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงรากผมให้แข็งแรงนั้นเอง

    – สุขภาพร่างกาย  ซึ่งมีสาเหตุย่อยลงไปอีก ได้แก่

              – อาการที่เกิดจากสาเหตุของความเจ็บป่วย เช่น โรคผิวหนัง DLE, โรคภูมิแพ้ตนเอง SLE, โลหิตจาง, ปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมนอย่างภาวะไทรอยด์ที่ทำให้ฮอร์โมนสูง – ต่ำผิดปกติ, การคลอดบุตร, การติดเชื้อเช่นการติดเชื้อรา, ซิฟิลิส, HIV, โรคเริม, ภาวะซึมเศร้า, และการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของผู้ที่มีคนในครอบครัวเคยมีประวัติศีรษะล้านมาก่อน

              – อาการที่เกิดจากการรักษา เช่น การได้รับการผ่าตัดใหญ่ช่วงพักฟื้นร่างกาย, การทานยาบางชนิดเพื่อรักษาอาการเฉพาะ, การฉายรังสี, บางรายอาจเกิดจากการแพ้ยา เป็นต้น

    ข้อดี และข้อจำกัดของการปลูกผมมีอะไรบ้าง

    ข้อดีของการปลูกผม

    ข้อดีของการปลูกผมรักษาอาการผมขาดหลุดร่วง ผมบาง ซึ่งสามารถแยกได้ดังนี้

    – การปลูกผมจะช่วยให้ผู้ที่เข้ารับการรักษาได้กลับมามีความมั่นใจในการดำเนินชีวิต โดยการปลูกผมช่วยให้ผมกลับมางอกขึ้นใหม่ เหมือนเส้นผมปกติทั่วไป

    – เป็นการลงทุนในระยะยาวโดยไม่ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรับประทานยา ในบางรายต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับการซื้อยาบำรุงร่างกาย การซื้อแชมพูสระผมที่ลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้อีกด้วย

    – การรักษาด้วยการปลูกผม ผลข้างเคียงจากการปลูกผมแผลเป็นค่อนข้างน้อย มีความเสี่ยงต่ำกว่าการผ่าตัดในรูปแบบอื่น รวมถึงมีแผลขนาดเล็ก

    ข้อจำกัดของการปลูกผม

    สำหรับบางท่านการรักษาด้วยวิธีปลูกผม อาจจะไม่เหมาะกับการรักษาอาการผมหลุดร่วงผิดปกติ เนื่องจากมีเส้นขนในบริเวณท้ายทอย – ริมกกหูที่จะใช้ปลูกน้อยเกินไป แต่ยังสามารถรักษาด้วยวิธีการปลูกผมด้วยวิธีอื่นได้อยู่ เช่น ปลูกผมแบบ Strip FUT (ปลูกผม FUT) ที่ใช้หนังศีรษะชั้นบนบางส่วนจากท้ายทอยที่มีกอรากผม เพื่อนำมาปลูกผมในบริเวณที่เป็นปัญหา

    การเตรียมตัวก่อนปลูกผมต้องทำอย่างไร

    ขั้นตอนในการเตรียมความพร้อม ข้อควรปฏิบัติตัวก่อนการรักษาด้วยวิธีปลูกผม มีด้วยกันดังต่อไปนี้

    – เข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาเฉพาะทาง รวมทั้งการแจ้งแพทย์ผู้ดูแลรักษาในเรื่องประวัติของผู้เข้ารับการรักษา ไม่ว่าจะเป็นโรคประจำตัว การแพ้ยา หรือการรับประทานยาที่ต้องหยุดรับประทานก่อนทำการผ่าตัด เช่น แอสไพริน (Aspirin), วิตามินอี, โสม, น้ำมันปลา เป็นต้น เพื่อให้แพทย์ผู้ดูแลได้วางแผนในการรักษาได้อย่างถูกวิธี

    – ในวันที่เข้ารับการรักษาด้วยการปลูกผมควรใส่ชุดที่สามารถใส่ – ถอดได้ง่าย โดยไม่กระทบกระเทือนต่อแผลปลูกผม รวมทั้งควรมีผู้ติดตามมาด้วย เพื่อให้สามารถดูแลผู้เข้ารับการรักษาที่ยังไม่ฟื้นตัวจากการปลูกผมได้

    – ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ด้วยวิธีดังนี้

              – รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การงดสูบบุหรี่ ดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ ที่อาจจะส่งผลให้การเข้ารับการรักษามีเหตุให้เลือดแข็งตัวช้าเนื่องจากการทานคาเฟอีนและแอลกอฮอล์

              – พักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

    ขั้นตอนการปลูกผมเป็นอย่างไร

    ขั้นตอนในการปลูกผม เพื่อให้ท่านที่เข้ารับการรักษา สามารถมองเห็นภาพรวมของการปลูกผม มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

    1. แพทย์ที่ดูแลรักษาจะทำการกำหนดบริเวณที่ต้องปลูกรากผมคร่าวๆ ตามที่ได้ตกลงพูดคุยกันกับผู้เข้ารับการปลูกผม

    2. ในการเตรียมการก่อนการผ่าตัดศัลยกรรมปลูกผมนั้น จะทำการโกนผมในบริเวณที่ต้องการเคลื่อนย้ายรากผมมาปลูก ตัดให้สั้นกว่าผมปกติในส่วนอื่น เพื่อให้ผมในบริเวณอื่นได้ปิดบังในส่วนที่มีแผลผ่าตัดปลูกผมไว้ และทำให้แพทย์เห็นบริเวณที่จะย้ายรากผมได้ชัดเจน

    3. ก่อนทำการรักษาด้วยวิธีปลูกผม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำความสะอาดหนังศีรษะ และฉีดยาชาที่หนังศีรษะ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่การศัลยกรรมปลูกผมต่อไป

    – กรณีที่ต้องใช้การผ่าตัดนำหนังศีรษะชั้นบน แพทย์จะนำหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยออกมาปลูกในบริเวณไม่มีผมที่เลือกไว้ ด้วยการเย็บปิดแผลบริเวณหนังศีรษะที่นำออกมา

    – กรณีการปลูกผมที่ไม่มีการผ่าตัด แพทย์จะนำกราฟท์ผมมาปลูกผมในส่วนที่ตกลงกัน ในปริมาณหลายร้อย-พันเส้น ด้วยการแยกเป็นกอรากผมที่แข็งแรง ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการปลูกผมประมาณ 4 ชั่วโมงขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพผมบนศีรษะของแต่ละบุคคล พร้อมกับนำรากผมฝังตรงหนังศีรษะ เพื่อให้ดูกราฟท์ผมเป็นธรรมชาติ

    4. หลังการทำการปลูกผม แพทย์ที่ดูแลจะนำผ้าก๊อซที่ระบายอากาศไม่อับชื้น ปิดแผลที่ทำการปลูกผม จนกว่าแผลจะหาย

    หลังการปลูกผมควรปฏิบัติตัวอย่างไร

    หลังจากการศัลยกรรมปลูกผม เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของการปลูกผมได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งควรทำตามคำแนะนำของแพทย์ที่ดูแลรักษา มีข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้

    – หลังจากการปลูกผมเสร็จสิ้นแล้วนั้น ห้ามสระผมด้วยตนเอง เนื่องจากขั้นตอนนี้ค่อนข้างสำคัญ มีความละเอียดอย่างมาก อาจจะทำให้กอรากผมหลุดออกมาได้ ในช่วงแรกหลังปลูกผมแพทย์จะทำการนัดทำความสะอาดแผล พร้อมสระผมให้ถูกวิธีอย่างระมัดระวังประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้นจึงสามารถตามปกติได้

    – การนอนควรนอนด้วยท่ายกหัวสูง งดการนอนทับแผล แนะนำให้นอนท่านอนตะแคง รวมถึงสามารถนอนด้วยหมอนรองคอเพื่อไม่ให้เกิดแผลบวมหรือเลือดออกได้นั้นเอง

    – รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดเครื่องดื่มมึนเมา งดการสูบบุหรี่ และการดูแลรักษาสภาพผมในระยะยาว หลีกเลี่ยงการทำร้ายเส้นผมหรือหนังศีรษะโดยไม่จำเป็น

    – มาตามนัดของแพทย์ที่ดูแล เพื่อติดตามอาการเบื้องต้น สามารถตรวจสอบความเรียบร้อยของแผลว่ามีส่วนใดผิดปกติต้องรักษาทันทีหรือไม่

    ปลูกผมใช้ระยะเวลาเท่าไรถึงจะเห็นผล!

    ระยะเวลาในการปลูกผมสามารถแยกได้ดังนี้

    – ระยะเวลาในศัลยกรรมปลูกจะใช้เวลา 4 – 8 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับจำนวนกอรากผมที่ใช้ในการปลูก

    – ระยะเวลาในการดูแลให้ผมผ่านช่วงระยะพัก พร้อมกับผมขึ้นใหม่อย่างเป็นปกติ จะอยู่ที่ประมาณ 3 – 4 เดือน

    – ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน – 1 ปี จะสามารถเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงจากการปลูกผม ซึ่งจะเริ่มยาว มีความแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยขึ้นกับสภาพผมของแต่ละบุคคลนั้นเอง

    สรุปเรื่องปลูกผม

    การปลูกผมเป็นการแก้อาการผมร่วงได้อย่างตรงจุด เพื่อสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ มีความมั่นใจมากขึ้น แต่ก่อนจะปลูกผมนั้น ควรศึกษาคลินิกที่รักษา ว่าถูกต้องได้มาตรฐาน มีแพทย์เฉพาะทางที่เชี่ยวชาญโดยตรง มีอุปกรณ์ที่อำนวยความสะดวกได้มาตรฐานพร้อมทั้งมีรีวิวต่างๆให้ดูเป็นตัวอย่าง

    ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก Absolute Hair Clinic