รวมไอเทมเก่า ทั้งของกินของใช้ สถานที่ ไล่ลามไปถึงยานพาหนะ ที่ก่อนเก่าเคยเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป บางชิ้นบางสิ่งมีความทรงจำดีๆ ให้หวนนึกถึง แต่วันนี้ข้าวของเหล่านั้นกำลังจะอันตรธานหายไป มีทั้งไปแบบชั่วคราวและตีตั๋วลาจากไปไม่กลับ และนี่คือตัวอย่างแค่ 5 ไอเทม ที่ BLT หยิบยกมาให้ย้อนความทรงจำกัน
ปากกาแลนเซอร์ (Lancer)
เรียกว่าเป็น ไอเทมในตำนานของวัยเรียน ที่หลายคนต้องมีและเคยใช้ “เขียนลื่น เขียนสบายสไตล์แลนเซอร์” เป็นวลีฮิตติดหูในโฆษณาช่วงนั้น แต่เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา
ทางปากกาแลนเซอร์ ก็ได้ออกมาประกาศปิดกิจการชั่วคราวบางส่วน เพราะผลพวงมาจากพิษโควิด-19 ซึ่งกระทบชิ่งทำให้กระทรวงศึกษาธิการประกาศเลื่อนการเปิดเรียนของสถานศึกษาในสังกัดไปเป็นวันที่ 1 ก.ค.63 ดังนั้นต้องมารอดูกันว่าปากกาหัวแหลม มีความคมและทึกทน จะกลับมาเปิดดำเนินกิจการทั้งหมดเร็วๆ นี้หรือไม่ (ใครเคยควงปากกาแลนเซอร์เล่นบ้างยกมือ…)
—————————————-
Notes
– ปากกา Lancer ผลิตขึ้นในปี 2514 โดย บริษัท ดี.ที.ซี.อินดัสตรี่ส์ จำกัด (มหาชน)
– ปี 2562 ปากกา Lancer มีรายได้ 197.82 ล้านบาท กำไร 4.10 ล้านบาท
– ร้านเครื่องเขียนบางที่อาจไม่มีจำหน่ายในช่วงนี้ รอเปิดเทอมค่อยว่ากัน…
หมากฝรั่งคิดคิด
อดีตการเคี้ยวหมากฝรั่ง ถือเป็นอะไรที่เท่ และคูลมากสำหรับกลุ่มวัยรุ่น เรียกว่าเป็นไลฟ์สไตล์แฟชั่นที่ทุกคนพร้อมใจทำตามกันโดยมิได้นัดหมาย แต่ปัจจุบันค่านิยมเริ่มสร่างซา การเคี้ยวหมากฝรั่งกลายเป็นผลิตภัณฑ์แค่ช่วยคลายเครียด ดับกลิ่นปาก หรือเพื่อเลิกบุหรี่ ตั้งแต่ปี 2557 ภาพรวมตลาดของหมากฝรั่งในประเทศไทยจึงค่อยๆ ดิ่งลง จากเดิมตลาดมูลค่าราว 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันเหลือเพียง 2,000 ล้านบาท
สำหรับหมากฝรั่งคิดคิดเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ ที่ขาโจ๋ยุค 80 และ 90 หลายคนชื่นชอบ ถ้าให้ถามว่าสโลนแกน “คิดคิดเพื่อนเคี้ยว” คือผลิตภัณฑ์อะไร เชื่อเถอะวัยรุ่นยุคนั้นทุกคนตอบได้หมดแน่นอน
—————————————-
Notes
– หมากฝรั่งคิดคิด วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2527 โดยบริษัท โรงงานลูกกวาดเม่งเซ้ง จำกัด
– จากเดิมมียอดขาย 500 ล้านบาทในปี 2547 ด้วยภาวะหดตัวของตลาด ปัจจุบันยอดขายเหลือไม่ถึง 200 ล้านบาท
– หมากฝรั่งคิดคิดยังมีจำหน่ายตามร้านโชว์ห่วยทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด (บางร้าน)
แต่เนื่องจากไม่ได้ลงโฆษณาในทีวี (เพราะไม่คุ้ม) และไม่ได้วางจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรด ตอนนี้จึงหาซื้อได้ยาก หากใครทราบพิกัดแจ้งด่วนๆ
ขนมปังการ์ดิเนีย (Gardenia)
คงจำประโยคคุ้นหูกันได้ “การ์ดิเนีย อร่อยแท้ๆ แม้ไม่ทาอะไร” แต่ตอนนี้แม้แค่ตัวขนมปังก็ไม่ได้แลเลย เพราะเขาโบกมือลาตลาดในเมืองไทยไปนานแล้วกว่า 10 ปี (ประมาณปี 2550-2551) สำหรับจุดเด่นของขนมปังการ์ดิเนีย คือมีรสชาติให้เลือกหลากหลาย ทั้งรสออริจินัล, ธัญพืช, ข้าวโพด, กล้วย-วอลนัท, ช็อกโกแลต-ลูกเกด, เนย-ลูกเกด ฯลฯ แถมเนื้อขนมปังหอม… ละมุน เนื้อนุ่มลิ้น รวมถึงเป็นขนมปังรายใหญ่ขึ้นชื่อของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งได้เข้ามาบุกเบิกในตลาดเมืองไทยเมื่อปี 2530 ภายใต้ชื่อ บริษัท การ์ดิเนีย ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมหุ้นระหว่าง บริษัท AJ Holding (ไทย) 67% และบริษัท Gardenia Foods (S) Pte Ltd 33%
—————————————-
Notes
– วันที่ 27 ก.ค. 50 เป็นข่าวใหญ่ที่ทางโรงงานผลิตขนมปังการ์ดิเนีย ได้ทำการเลิกจ้างพนักงานฝ่ายขาย 40 คน (จาก 200 คน) ก่อนจะปิดตัวลง
– ล่าสุดมีข่าวว่าการ์ดิเนีย กลับมาคัมแบ็คอีกครั้ง นั่นคือเรื่องเข้าใจผิด! เพราะถ้าอยากกินขนมปังการ์ดิเนียตอนนี้มีวิธีเดียวคือสั่งทางออนไลน์ เสิร์ชเลยๆ
โรงภาพยนตร์สกาลา
หลังจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ประกาศผ่อนปรนระยะ 3 หลายคนดีใจที่โรงหนังกลับคืนจอไม่ทันหาย กระแสข่าวโรงภาพยนตร์สกาลาปิดตัวก็ทำเอาเด็กสยามรุ่นเก๋าออกอาการเซ็งและเสียดายไปตามๆ กัน
(โดยโรงภาพยนตร์จะเปิดใช้แค่จัดกิจกรรมฉายหนังรอบพิเศษจนกว่าสัญญาเช่าพื้นที่จะสิ้นสุดลงในปลายปีนี้)
สกาลาถือว่าเป็น 1 ใน 4 โรงภาพยนตร์สแตนด์อโลนในเครือ APEC ที่ตั้งอยู่ย่านสยามสแควร์ ประกอบด้วยโรงภาพยนตร์ ศาลาเฉลิมไทย (ถูกทุบทิ้งและปิดตัวในปี 2532) โรงภาพยนตร์สยาม (ถูกวางเพลิงเสียหายหมด จากการชุมนุมทางการเมือง ปี 2553) และโรงภาพยนตร์ลิโด้ (ปิดตัวเพราะหมดสัญญาเช่าไปเมื่อปี 2561) สำหรับสถาปัตยกรรมของสกาลามีความเก่าแก่แต่เก๋ในแบบสไตล์โมเดิร์นนิสต์ ส่วนการตกแต่งภายในดูสวยหรูสะท้อนกลิ่นอายแบบอาร์ตเดโคที่ผสมผสานกับแนวตะวันออก
ก่อนหน้านี้สกาลาได้มีการปรับตัว โดยการเพิ่มภาพยนตร์ให้มากขึ้นในแต่ละสัปดาห์ สลับการฉายวันละ 5 รอบ เพื่อสนองความต้องการแก่คอหนังที่นิยมเสพภาพยนตร์นอกกระแส มีทั้งแนวคลาสสิคย้อนยุคของไทยและต่างประเทศ
—————————————-
Notes
– วันที่ 31 ธ.ค. 2512 เป็นวันเปิดตัวโรงภาพยนตร์สกาลา
ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เปิดฉาย คือ THE UNDEFEATED สองสิงห์ตะลุยสิบทิศ
– โรงภาพยนตร์สกาลา เป็นผลงานออกแบบโดย พันเอก จิระ ศิลป์กนก อดีตนายกสมาคมสถาปนิกสยามฯ และสถาปนิกผู้ออกแบบตึกสันติไมตรีหลังใน
– โรงภาพยนตร์สกาลา เคยได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่นปี 2555 จาก สมาคมสถาปนิกสยามฯ
รถเมล์สาย 203
เพิ่งปิดไปหมาดๆ สำหรับรถเมล์ สาย 203 (ท่าน้ำนนท์-สนามหลวง) ซึ่งเป็นตำนานรถเมล์ ขสมก. ยุคบุกเบิก ที่เดินรถให้บริการประชาชนนานถึง 44 ปี โดยวันที่ 30 เม.ย. 63 เป็นวันสุดท้ายที่เปิดให้บริการ สำหรับสาเหตุเป็นเช่นนี้ เพราะว่าเส้นทางเดินรถได้เป็นของเอกชนเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งรถเมล์สาย 203 ขึ้นตรงกับกรมการขนส่งทางบก ไม่ได้วิ่งร่วม ขสมก. แล้ว ซึ่งสร้างความเสียดายให้กับใครหลายๆ คน ต่างพากันแชร์ข่าวลงในเพจ FB บอกเล่าถึงความทรงจำ บางคนนั่งไปโรงเรียนตั้งแต่มัธยมกระทั่งจบมหาวิทยาลัย บางคนนั่งไปจีบสาวก็มี และหลายคนทีเล่นทีจริงบอกว่าเลขรถเมล์นี่ล่ะเลขเด็ดสำหรับเสี่ยงโชคซื้อหวย (สลากกินแบ่งรัฐบาล) อืม…
—————————————-
Notes
– ตามแผนปฏิรูปรถเมล์สาย 203 จะเปลี่ยนเป็นเลขสาย 2-23 อู่บางบัวทอง-สนามหลวง
– วันที่ 11 ก.ย. 62 มีการรายงานข่าว (จาก TNN) ว่าโลกโซเชียลแห่แชร์คลิปวิดีโอชื่นชม นายเอกชัย จันทร์แดง กระเป๋ารถเมล์ สาย 203 เพราะให้บริการดี พูดจาสุภาพ อ่อนน้อม แถมช่วยพยุงคนชราและเด็กขึ้น-ลงรถเมล์เป็นประจำ
