เว็บไซต์ Picodi เปิดเผยผลสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับราคาน้ำมัน และค่าจ้างเฉลี่ยในประเทศไทยและทั่วโลก รวมถึงผลวิจัยราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบอัตราราคาน้ำมันกับค่าแรงต่อเดือนของแต่ละประเทศ พบว่า ออสเตรเลีย มีอัตราราคาน้ำมันต่อค่าจ้างเฉลี่ยดีที่สุด โดยค่าจ้างเฉลี่ยของคนในประเทศ สามารถซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 3,783 ลิตร รองลงมาคือ ญี่ปุ่น สามารถซื้อได้ 2,549 ลิตร และเกาหลีใต้ 1,908 ลิตร
สำหรับประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 11 โดยมีเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 351 USD หรือราว 11,118 บาท ราคาน้ำมันเฉลี่ย 1.14 USD หรือประมาณ 36.02 บาท/ลิตร ส่งผลให้สามารถซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 309 ลิตร
ส่วนประเทศที่อยู่อันดับท้ายๆ ซึ่งมีค่าจ้างโดยเฉลี่ยที่สามารถซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงได้ไม่เกิน 200 ลิตร ไม่ว่าจะเป็น ปากีสถาน ซื้อได้ 192 ลิตร, กัมพูชา 181 ลิตร และฟิลิปปินส์ 158 ลิตร
นอกจากนี้ ยังได้วิเคราะห์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าจ้างในกว่า 100 ประเทศ จาก 6 ทวีป พบว่า เวเนซุเอลา ประเทศที่มีอัตราราคาน้ำมันต่ำที่สุด อยู่ที่ 0.000000002 USD/ลิตร โดยมีค่าจ้างเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 29 USD ส่งผลให้ผู้คนในเวเนซุเอลา สามารถซื้อน้ำมันได้ราวหลายพันล้านลิตร แต่พลเมืองของประเทศกลับถูกครอบงำด้วยวิกฤตเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อ
สำหรับประเทศในอ่าวเปอร์เซีย ไม่ว่าจะเป็น กาตาร์ คูเวต และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีราคาน้ำมัน 1 ลิตรอยู่ที่ประมาณ 0.4–0.6 ดอลล่าร์ และด้วยค่าจ้างโดยเฉลี่ยที่พลเมืองได้รับ จึงสามารถซื้อน้ำมันได้ 4,900-6,500 ลิตร/เดือน
ส่วนประเทศที่สามารถซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงได้จำนวนน้อยที่สุด คือ มาดากัสการ์ อยู่ที่ปริมาณ 42 ลิตร ตามมาด้วยทาจิกิสถาน 131 ลิตร และแซมเบีย 137 ลิตร
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หรือภาษี หรือราคาที่กำหนดโดยเจ้าของสถานีบริการน้ำมัน มูลค่าน้ำมันเชื้อเพลิง 1 ลิตร ณ จุดขายปลีกอาจเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืน ซึ่งในบางประเทศอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ในทุกชั่วโมง และจากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการมีทรัพยากรธรรมชาติมากมายไม่ได้หมายความผู้บริโภคทั่วไปในประเทศนั้นๆ จะสามารถซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงได้ในราคาถูก