การสำรวจการปรับตัวของสื่อมวลชนไทย ในการทำข่าวช่วงวิกฤตโควิด-19 พบว่าสื่อไทยสามารถปรับตัวกับการทำงานแบบมีระยะห่างได้ไว มีแนวโน้มร่วมงานแถลงข่าวแบบไลฟ์สตรีมมิ่งสูงขึ้น และพบว่าประเด็นที่จะอยู่ในกระแสความสนใจหลังจากนี้ ไม่ใช่แค่โควิด-19 แต่ยังมีการชูกลยุทธ์ปรับชีวิต และธุรกิจรับนิวนอร์มัล (New Normal) อีกด้วย
การนำเสนอข่าวขององค์กรสื่อต่าง ๆ ร้อยละ 50 ยังให้น้ำหนักการเสนอข่าวทั่วไปเป็นปกติ
เอ พับลิซิสท์ บริษัทที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์ ได้จัดทำแบบสำรวจ “การปรับตัวของสื่อมวลชนไทยในการทำงานข่าวช่วงวิกฤตโควิด-19” โดยมีกลุ่มตัวอย่างทั้งสื่อมวลชนกระแสหลัก และกระแสรอง จากหนังสือพิมพ์ นิตยสาร โทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง และสื่อออนไลน์ ซึ่งร่วมทำแบบสอบถามออนไลน์ จำนวน 60 คน พบว่านโยบายด้านการนำเสนอข่าวสารขององค์กรสื่อต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมามีรายละเอียดดังนี้
– ร้อยละ 50 ยังคงให้น้ำหนักการเสนอข่าวทั่วไปเป็นปกติ
– ร้อยละ 47 นำเสนอข่าวเกี่ยวกับโควิด-19 มากกว่าข่าวอื่น ๆ
– ร้อยละ 3 ไม่ได้ให้น้ำหนักเรื่องใดเป็นพิเศษ
ในส่วนของนโยบายด้านสถานที่ทำงานขององค์กรสื่อส่วนใหญ่นั้น พบว่า
– ร้อยละ 43 อนุญาตให้พนักงานหรือผู้สื่อข่าวทำงานแบบ Work From Home
– ร้อยละ 32 ยังคงให้พนักงานบางส่วนมาทำงานที่สำนักงาน
– ร้อยละ 17 มีการเข้าสำนักงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย หรือตามความสะดวกของพนักงาน
– ร้อยละ 8 ให้พนักงานทุกคนทำงานที่สำนักงานตามปกติ
สื่อมวลชนหรือฝ่ายผลิตคอนเทนต์ร้อยละ 85 ต้องการเนื้อหาข่าวสารเกี่ยวกับโควิด-19 มานำเสนอ
ในการสำรวจการได้รับข่าวสารท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ของสื่อมวลชนที่ร่วมตอบแบบสอบถาม ยอมรับว่าได้รับชิ้นข่าวประชาสัมพันธ์จากแบรนด์ และพีอาร์น้อยลง ในขณะที่สื่อมวลชน หรือฝ่ายผลิตคอนเทนต์ก็มีความต้องการเนื้อหา ประเด็นข่าว เพื่อนำเสนอ และเติมเต็มพื้นที่สื่อของตนเองในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
– ร้อยละ 85 ต้องการเนื้อหาข่าวสารที่มีความเกี่ยวข้องกับโควิด-19
– ร้อยละ 75 ต้องการข่าวความเคลื่อนไหวของธุรกิจทั่วไป
– ร้อยละ 53 ต้องการเนื้อหาหรือข่าวสารที่ไม่เกี่ยวข้องกับโควิด-19
– ร้อยละ 28 ต้องการข่าวบันเทิง หรือวาไรตี้
ในส่วนของช่องทางการรับข่าวสารที่สื่อมวลชนสะดวกมากที่สุดในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสพบดังนี้
– ร้อยละ 93 ยังคงเป็นอีเมล
– ร้อยละ 78 เป็นแอปพลิเคชันไลน์ (Line)
– ร้อยละ 27 เป็นเฟสบุ๊ก เมสเซนเจอร์ (Facebook Messenger)
– ร้อยละ 9 เป็น เมสเซนเจอร์ (Messenger)
สื่อมวลชนร้อยละ 83 ยังคงรับข่าวสารประชาสัมพันธ์จากแบรนด์หรือพีอาร์ส่งให้
ด้วยมาตรการระยะห่างทางกายภาพ (Physical Distancing) ทำให้รูปแบบการจัดกิจกรรมเพื่อการประชาสัมพันธ์ หรือเผยแพร่ข่าวสาร โดยเฉพาะในลักษณะ Face-to-Face รวมทั้งการรวมกลุ่มคนจำนวนมากนั้น ทำได้ยากขึ้น ซึ่งจากผลสำรวจพบว่ารูปแบบของการรับข่าวสาร หรือการเข้าถึงข่าวสาร และแหล่งข่าวของสื่อมวลชนในช่วงโควิด-19 นั้น พบว่า
– ร้อยละ 83 ยังคงมาจากข่าวประชาสัมพันธ์ที่แบรนด์หรือพีอาร์ส่งให้
– ร้อยละ 77 เป็นการร่วมงานแถลงข่าวหรือการจัดกิจกรรมแบบออนไลน์ (Live Streaming)
– ร้อยละ 69 สัมภาษณ์แหล่งข่าวทางโทรศัพท์
– ร้อยละ 60 สัมภาษณ์แหล่งข่าวผ่านสื่อออนไลน์
– ร้อยละ 25 เข้าร่วมงานแถลงข่าวหรืออีเวนต์ตามปกติ
– ร้อยละ 22 การสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว
– ร้อยละ 7 การสัมภาษณ์ผ่านช่องทางอื่น ๆ อาทิเช่น Facebook Messenger, Vdo Call เป็นต้น
ทั้งนี้ยังพบว่าการรักษาระยะห่าง และการเข้าถึงแหล่งข่าวที่ยากขึ้น ทำให้สื่อมวลชนเปิดกว้างในการเข้าร่วมกิจกรรมในลักษณะ Live Streaming / Virtual Event มากขึ้น โดยพบว่ามีสื่อมวลชนตอบรับเข้าร่วมกิจกรรมรูปแบบนี้มากถึงร้อยละ 78 โดยจากการสอบถามจำนวนครั้งของการร่วมงาน ระหว่างวันที่ 25 มี.ค. – 5 พ.ค. 63 ที่ผ่านมา พบว่ามีการเข้าร่วมงานแบบ Live Streaming มากกว่า 6 ครั้ง และเข้าร่วม 4-6 ครั้ง ในอัตราส่วนที่เท่ากันคือร้อยละ 36 และเข้าร่วม 2-3 ครั้ง ร้อยละ 24
แต่อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนยังได้ให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของ ผู้บริหาร พีอาร์ หรือฝ่ายสื่อสารองค์กรในการทำงาน สำหรับการเตรียมความพร้อมในการจัดงานลักษณะ Live Streaming ในอนาคต โดยมีมุมมองน่าสนใจ ได้แก่
– ข้อมูลเอกสาร (Press Kit) อาทิ ข่าวประชาสัมพันธ์ ภาพประกอบที่ช่วยสนับสนุนเนื้อหา ควรจัดส่งให้แก่สื่อมวลชนก่อนเริ่มงาน หรือจัดทำระบบสแกน QR Code เพื่อรับเอกสาร ระหว่างการแถลงข่าวได้
– เนื่องจากบางแพลตฟอร์มของการ Live Streaming หรือประชุมออนไลน์ อาจมีข้อจำกัดด้านเวลา ดังนั้น พีอาร์ควรมีการซักซ้อมประเด็นในการแถลงข่าวให้กับผู้บริหาร ควรจัดทำเนื้อหาให้เข้าใจง่าย สั้นกระชับ และตรงประเด็น
– ระหว่างการ Live Streaming ภาพที่ถ่ายทอดออกไป ไม่ควรเป็นภาพผู้แถลงข่าวเพียงมุมเดียว ควรแสดงให้เห็นภาพบรรยากาศ หรือมีสไลด์เนื้อหาประกอบระหว่างการแถลงข่าวด้วย
– ควรเผื่อเวลาให้สำหรับช่วงถาม-ตอบ (Q & A) อย่างน้อย 15-30 นาที
ประเด็นที่ดีไม่ควรมีแค่เรื่องโควิด-19 แต่ต้องมีเรื่องการปรับชีวิต และปรับธุรกิจรับนิวนอร์มัล
ข้อเสนอแนะจากสื่อมวลชนที่น่าสนใจเกี่ยวกับประเด็นข่าว เพื่อให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์หรือสื่อสารองค์กรได้นำไปสร้างสรรค์ให้ตรงกับความต้องการ ได้แก่
– บทความหรือเนื้อหาเกี่ยวกับโควิด-19 ยังเป็นประเด็นที่นักข่าวให้ความสนใจ ทั้งในปัจจุบัน หรือการพัฒนาไปจนถึงยุคหลังโควิด-19 โดยจะได้รับการพิจารณานำเสนอได้เร็วกว่าข่าวทั่วไป แต่ควรมีแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ อาทิเช่น จากแพทย์ หรือนักวิชาการ และควรมีการแนบคำแปลศัพท์เฉพาะทางไปด้วยทุกครั้ง
– ประเด็นเกี่ยวกับ นิวนอร์มัล (New Normal) ของแต่ละธุรกิจ ควรนำเสนอเนื้อหาข้อมูลหรือความคิดเห็นของผู้บริหารเกี่ยวกับการฝ่าวิกฤต แผนฟื้นฟู กลยุทธ์เชิงปฎิบัติ เพื่อปรับตัวสู้กับสถานการณ์โควิด-19 ตลอดจนความเคลื่อนไหว แนวทางการรับมือ และมุมมองในการหาโอกาสใหม่ ๆ ของผู้ประกอบการ มากกว่าการเสนอขายสินค้าเพียงอย่างเดียว
– บางครั้งเนื้อหาไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องโควิด-19 อย่างเดียว สามารถนำเสนอเนื้อหาเรื่องอื่นที่สร้างสรรค์มุมมองในเชิงบวก และเป็นประโยชน์ต่อสังคมในสถานการณ์ปัจจุบันได้ หากเป็นไปได้ ควรสร้างสรรค์ประเด็นข่าวที่แตกต่างระหว่างสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อออนไลน์ เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อน
นอกจากนี้ ในภาพรวมสื่อมวลชนส่วนใหญ่ยังมองว่าฝ่ายสื่อสารองค์กร หรือพีอาร์ มีการปรับการทำงานเพื่อรองรับสถานการณ์โควิด-19 ได้ดี