หนึ่งในปัญหาที่เจ้าของแมวมักจะพบได้บ่อยคือการที่เจ้าเหมียวของเรานั้นมีอาการตาแฉะ หรือมีขี้ตาที่เยอะผิดปกติ ทำให้หลายๆ คนตกใจ และรีบพาไปพบแพทย์
แต่รู้หรือไม่ ? การที่แมวมีขี้ตาเยอะ หรืออาการตาแฉะของแมวนั้น ไม่ใช่ศัพท์ที่ใช้เรียกทางการแพทย์ แต่เป็นคำที่เจ้าของแมวส่วนใหญ่ มักจะใช้อธิบายถึงอาการที่แมวมีน้ำตาไหลออกมา ทำให้เกิดขี้ตา ซึ่งในบางครั้งอาจจะนำไปสู่อาการบวมแดงของเยื่อบุตาขาวได้
วันนี้เราจะพาไปดูถึงสาเหตุการเกิดอาการนี้ และวิธีการรักษาที่จะทำให้ทาสแมวอย่างเราหายเครียด และไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
สาเหตุเกิดจากอะไร ?
ช่องหน้าม่านตาอักเสบ
อาการนี้สามารถสร้างความเจ็บปวดให้กับแมวได้เป็นอย่างมาก โดยภายในตาจะมีลักษณะเป็นน้ำใสๆ ซึ่งบางตัวไม่สามารถออกไปนอกบ้านเพื่อสู้กับแสงแดดได้เลย ทำให้น้องต้องไม่กล้าลืมตาอีกเลย
แผลที่กระจกตา
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แมวมีขี้ตาเยอะ คือการมีแผลที่กระจกตาทำให้แมวนั้นมีน้ำตาไหลออกมาได้ง่าย และบ่อยผิดปกติ ที่อาจจะเกิดมาจากมีฝุ่น แบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อโรคเข้ามา ทำให้แมวรู้สึกระคายเคืองดวงตา ซึ่งคุณเองในฐานะเจ้าของแมว
อาจจะสังเกตได้เพียงจุดเล็กๆ สีขาวบริเวณกระจกตา แต่จะไม่สามารถมองเห็นหรือรับรู้ของความผิดปกติ และความเจ็บของอาการนี้ได้เลย ดังนั้นแล้วจึงควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็คความผิดปกติภายในกระจกตาให้มั่นใจ
เยื่อบุตาขาวอักเสบและติดไวรัส
สาเหตุที่พบได้บ่อยเมื่อแมวมีขี้ตาเยอะ โดยไวรัสในกลุ่มนี้ประกอบไปด้วยไวรัส 2 ชนิด ได้แก่ Feline Herpesvirus (FHV) และ Feline Calicivirus (FCV) ซึ่งเป็นไวรัสที่ติดต่อในระบบทางเดินหายใจ แมวที่ป่วยจากไวรัสนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแมวที่ยังมีอายุน้อย
หรือยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส ซึ่งโดยปกติแล้ว เมื่อแมวติดเชื้อไวรัสนี้ มักจะมีอาการอักเสบตามบริเวณจุดต่างๆ บนร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น หลอดเลือดอักเสบ ข้ออักเสบ รวมไปถึงเหงือกและช่องปากอักเสบ นอกจากนี้ ยังทำให้แมวเกิดอาการจาม ไอ มีน้ำมูก และมีไข้ได้
วิธีการรักษา
วิธีการรักษามีตั้งแต่ การปล่อยให้น้องแมวนั้นจัดการกับไวรัสได้ง่าย โดยบางตัวสามารถรักษาให้หายเองได้ หากเจ้าของเห็นว่ามีอาการไม่หนัก แต่อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อในลักษณะนี้ สามารถทำให้เชื้อแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆ ในร่างกายได้ ซึ่งอาจจะมีอาการที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากแมวมีขี้ตาที่เยอะปกติ มีน้ำมูก มีอาการซึม หลบซ่อนตัวมากขึ้น หรือเริ่มกินข้าวได้น้อยลง เราขอแนะนำให้พาไปพบแพทย์เบื้องต้น เพื่อวินิจฉัยอาการ และได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี
ทั้งนี้ เจ้าของแมวควรที่จะดูแลและเฝ้าสังเกตอาการของแมวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณกลับมามีสุขภาพที่แข็งแรง และเป็นปกติได้อย่างเร็วที่สุด