ศึกเดลิเวอรีในบ้านเรากำลังร้อนระอุ ผู้เล่นมีจำนวนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ใช้งานมากขึ้นด้วย ชวนคุยเจาะลึกถึงเบื้องหลังความสำเร็จของ GET แอปพลิเคชันส่งอาหารน้องใหม่ ที่เพิ่งเข้ามามีบทบาทในตลาดเพียงปีเดียว แต่ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม กับ คุณภิญญา นิตยาเกษตรวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GET หัวเรือใหญ่ที่นำพา GET ประสบความสำเร็จ
ความสำเร็จของ GET
ใน 1 ปีที่ผ่านมา GET ถือเป็นแอปพลิเคชันที่เติบโตเร็วที่สุด เราก้าวขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ในตลาดได้ในระยะเวลาไม่ถึงปี จำนวนแอปดาวน์โหลดของเรามียอดเกินกว่า 2 ล้านครั้ง ซึ่งถือว่าเกินกว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้ว่าเราต้องการจะเข้าถึงคนกรุงเทพฯ กว่า 1 ล้านคนในปีแรก
แนวคิดการดำเนินงาน
GET ดำเนินธุรกิจบน 3 คุณค่าหลักที่จะทำให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดประเทศไทย คือ 1. Hyper Localization ทั้งการศึกษากฎระเบียบ กฎหมายของไทย พร้อมทั้งเข้าไปพูดคุยกับทางภาครัฐ และทำงานร่วมกับวินมอเตอร์ไซค์ เพื่อบอกว่า GET มาอย่างถูกกฎหมาย 2. GET ได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยี และองค์ความรู้จาก Go-Jek เช่น การเก็บ-วิเคราะห์ Big Data เพราะฉะนั้นการเข้าตลาดไทย ไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ แต่ในการแข่งขัน เราต้องเข้าคู่กับทั้งฝั่งซัพพลาย และดีมานด์ให้สอดคล้องกัน เพื่อทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์ดีที่สุด และคนขับสามารถมีรายได้เพิ่มขึ้น และ 3. GET พัฒนาขึ้นด้วยแนวคิด On Demand Platform เพราะต้องการให้ผู้ใช้งานเข้ามาที่แอปพลิเคชันเดียว สามารถเลือกใช้ได้หลากหลายบริการ
กลุ่มลูกค้าของ GET คือใคร
สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มมิลเลนเนียล หรือ คนที่อยู่ในกลุ่มระหว่าง Gen Z และ Gen Y ช่วงอายุระหว่าง 23-38 ปี และเป็นกลุ่มที่เติบโตมากในช่วงของการพัฒนาทางเทคโนโลยี ที่ครอบครัวเดี่ยวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ครอบครัวขยายลดลง และที่สำคัญคือ พฤติกรรมของผู้บริโภคคนไทยเปลี่ยนไป โดยจากการเก็บข้อมุูลพฤติกรรมการใช้ของลูกค้ามาวิเคราะห์ จะช่วยให้ร้านค้าสามารถพัฒนาสินค้าและบริการได้ตอบโจทย์ และตรงใจคนสั่งอาหาร
บริการครอบคลุมถึงไหนบ้าง
ปัจจุบัน GET มีบริการ เก็ท ฟู้ด (GET FOOD ) เก็ท วิน (GET WIN) และเก็ท เดลิเวอรี (GET DELIVERY) โดยปัจจุบัน มีร้านอาหารพันธมิตรกว่า 20,000 ร้าน ตั้งแต่สตรีทฟู้ดไปจนถึงระดับมิชลินสตาร์ มีคนขับวินมอเตอร์ไซค์ที่ลงทะเบียนกว่า 20,000 คน ปัจจุบันพื้นที่ให้บริการครอบคลุมแล้วทุกพื้นที่ในกทม. 50 เขต และได้ขยายไปถึง 3 ฝั่งข้างเคียงโซนบางนา (สมุทรปราการ) เมืองทองธานี (นนทบุรี) และราชพฤกษ์ (นนทบุรี)
แผนในปี 2563
GET เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปลายเดือนกุมภาพันธ์ปี 2562 และมียอดการสั่งซื้อครบ 10 ล้านทริป ไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดย GET ตั้งเป้าว่าในปี 2563 จะสามารถเข้าถึงผู้ใช้บริการในกรุงเทพฯ เพิ่มอีกราว 1 ล้านคน ในครึ่งปีแรกของ 2563 ด้วยกลยุทธ์การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการพัฒนาบริการให้กับทั้งคนขับ ร้านอาหาร และผู้ใช้บริการ โดยที่ผ่านมา เราได้รับคะแนนความพึงพอใจของผู้ใช้บริการอยู่ที่ 97% แต่เรายังมองว่ายังมีโอกาสในการพัฒนาอีกหลายด้าน จำนวนคนขับปัจจุบันเพิ่มขึ้นจาก 10,000 คนเมื่อตอนเราเริ่มเปิดตัว เป็นเกือบ 40,000 คน ในปลายปี ด้านร้านอาหารบนแพลตฟอร์ม เราจะเน้นการช่วยส่งเสริมให้ร้านค้าแต่ละร้านสามารถมีรายได้มากขึ้น ซึ่งในปี 2563 เราจะเปิดตัวแอปใหม่ของคนขับ แอปสำหรับร้านค้า และบริการ GET PAY อย่างเต็มรูปแบบแน่นอน
มองอนาคตของ GET ไว้อย่างไร
GET เน้นการเติบโตแบบยั่งยืน (Sustainable Growth) มาโดยตลอด และนี่จะยังคงเป็นเป้าหมายหลักต่อไปของเราในปี 2563 และเรามั่นใจว่านี่จะเป็นเทรนด์ของทุกองค์กรในปี 2563 ด้วยเช่นกัน เพราะเราเชื่อว่าการเติบโตของธุรกิจต้องควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นคนขับ ร้านค้า และผู้ใช้บริการ ในปี 2563 นี้เราจึงจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีและคุณภาพการบริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อรองรับการสเกลอัพของธุรกิจต่อไปในอนาคต