ปัญหาหลักของนักศึกษาตาบอดในรั้วมหาวิทยาลัยคือการขาดสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสมอุปสรรคดังกล่าวทำให้คุณจูน–เมธาวี ทัศนาเสถียรกิจ ก่อตั้งThe Guidelight (เดอะไกด์ไลท์) เพื่อให้เป็นระบบเอื้ออำนวยความสะดวกแก่นักศึกษาผู้บกพร่องทางการมองเห็นให้มีโอกาสเรียนหนังสือด้วยสื่อการสอนที่เหมาะสมและเข้าถึงง่าย
จุดเปลี่ยนที่เข้ามาช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา
“ทั้งชีวิตเราไม่เคยพบคนตาบอดอย่างใกล้ชิดมาก่อนแต่พอมาเรียนที่นิติศาสตร์ม.ธรรมศาสตร์มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนทำให้มองคนตาบอดเปลี่ยนไปพวกเขาตั้งใจในการอ่านหนังสือสอบมากบางคนเรียนปริญญาโท เล่นหุ้น ใช้ชีวิตได้ปกติเรามีโอกาสได้อ่านหนังสือเรียนให้เพื่อนๆคนตาบอดฟังพอเขาสอบได้เขาก็มาขอบคุณเราซึ่งเรารู้สึกดีใจด้วยมากๆ แต่กลับมาคิดว่ามันควรมีอะไรที่เป็นบรรทัดฐานเข้ามาดูแลตรงนี้เลยคิดจะทำอะไรบางอย่างขึ้นมาเพื่อเป็นส่วนเสริมให้นักศึกษาตาบอดโดยเฉพาะ”
The guidelight ทำอะไรบ้าง
“เป็นตัวช่วยให้นักศึกษาบกพร่องทางการมองเห็นเข้าถึงระบบการศึกษาได้เท่าเทียมกับนักศึกษาทั่วไปและเรียนจบระดับอุดมศึกษาทำหลักๆ4อย่างคือ
1. Toolkits เป็นของขวัญที่นักศึกษาบกพร่องทางการมองเห็นจะส่งมอบให้อาจารย์เพื่อแนะนำตัวให้อาจารย์รู้จักพวกเขาซึ่งจะช่วยให้อาจารย์เข้าใจวิธีการเรียนของเขาและออกแบบการสอนให้เอื้อต่อการเรียนมากขึ้น
2. Material Hub เว็บไซต์ www.theguidelight.com รวบรวมสื่อการเรียนทุกชนิดเพื่อให้นักศึกษาบกพร่องทางการมองเห็นเข้าถึงสื่อการเรียนได้มากขึ้น
3. Buddy ระบบจับคู่เพื่อนตาดีช่วยเพื่อนตาบอดเรียน
4.Workshop จัดกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพเติมความมั่นใจให้นักศึกษาบกพร่องทางการมองเห็น”
กลุ่มเป้าหมายหลัก
“The guidelight เริ่มต้นจากกลุ่มนักศึกษาตาบอดในมหาวิทยาลัยก่อนเพราะเป็นกลุ่มที่อัตราส่วนเด็กตาบอดเข้ามหาวิทยาลัยน้อยเราอยากเป็นตัวช่วยที่จะพานักศึกษาตาบอดในมหาวิทยาลัยผ่านจุดยากๆในการเรียนไปได้พอเขาสอบได้จบออกไปมีงานที่ดีทำเขาก็สามารถช่วยเหลือตนเองได้โดยที่ไม่ต้องมาพึ่งพารัฐเยอะ”
จากเด็กเพิ่งจบเข้าสู่งานเพื่อสังคม
“ตอนนั้นเราอายุแค่24ปีมันเป็นเรื่องยากมากเพราะไม่มีความน่าเชื่อถืออะไรเลยต้องเปลี่ยนอะไรที่เป็นตัวเองหลายอย่างPersonality เราไม่สอดคล้องกับงานด้านนี้เลยแปลว่าถ้าไม่เปลี่ยนก็ทำงานนี้ไม่ได้หรืออย่างทีมการจะไปชวนใครสักคนมาทำFull Time ด้วยกันไม่ง่ายเพราะงานคนตาบอดไม่ได้สนุกอย่างแรกเลยคือ เราไม่ได้ตาบอดไม่มีทางรู้ว่าความต้องการของคนตาบอดคืออะไรและจะทำยังไงให้เขาเชื่อใจน้องๆตาบอดบางคนจะมีกำแพงบางคนจะมีMind Set ว่าที่คนตาดีเข้ามาช่วยเพราะต้องการผลประโยชน์ซึ่งที่คิดแบบนั้นไม่ผิดเพราะเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็เป็นเรื่องปกติที่เขาต้องระวังตัวงานแบบนี้เลิกได้ง่ายมากๆเพราะเป็นงานที่เราแทบไม่ได้เงินเลยแต่เราคิดว่าเราต้องทำให้สำเร็จมีน้องๆอีกหลายคนที่ตั้งใจมากเราเลยจะไม่เอาแค่ความรู้สึกด้านลบของบางคนมาทำให้มันล้มเหลว”
ความยากของกิจการเพื่อสังคม
“อาสาที่เข้ามาต้องมีCommitment สูงมากไม่ใช่มาครั้งเดียวแล้วจบทุกครั้งที่เราประกาศหาอาสาสมัครขั้นต่ำที่มาสมัครคือหลักร้อยบางครั้งสมัครมา600-700คนแต่เราต้องกรองอาสาสมัครที่มีคุณภาพเพราะปริมาณเยอะบางทีก็ไม่ได้ช่วยอะไรอย่างอาสาติวหนังสือขั้นต่ำต้องมา6ครั้งซึ่งปีที่ผ่านมาเราโชคดีที่มีอาจารย์ติดต่อมาสอนหนังสือให้โดยตรง”
ร่วมงานกับสสส.
“หลายคนถามว่าทำไมThe guidelight ถึงช้าก็เพราะที่ผ่านมาเราไม่มีเงินไปจ้างใครทำกันเองบางอย่างก็ไปช้าแต่ช่วงปีที่ผ่านมา(พ.ศ. 2560) เราได้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เข้ามาช่วยเรื่องเงินทุนแต่ก็ต้องใช้ตามแผนที่อนุมัติ”
เป้าหมายในอนาคต
“ปีนี้เราพยายามทำทุกอย่างขึ้นออนไลน์เพื่อให้เด็กเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองอีกทั้งถ้าเราทำในระบบต้นทุนจะยิ่งต่ำลงแผนในปีนี้คือทำThe Guidelight Consulting วางแผนการเรียนจัดบริการเพื่อให้เด็กสอบผ่านได้และบันทึกไฟล์ช่วงTutoring เพื่อให้เด็กรุ่นถัดไปนำไปฟังต่อได้เราจะทำส่วนของTOEIC เพื่อให้เด็กเรียนจบแล้วมีคะแนนTOEIC ติดตัวไปเพราะเราเชื่อว่าเมื่อเด็กมีคะแนนที่ดีก็จะเพิ่มโอกาสในการหางาน”
สิ่งที่ทำให้The Guidelight เดินมาถึงจุดนี้
“ที่ผ่านมาต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่เข้ามาช่วยเหลือทั้งกองทุนทั้งอาสาแต่ที่สำคัญเลยคือใจเพราะSocial Enterprise คือเรื่องที่เลิกง่ายคนที่เข้ามาทำต้องอดทนพยายามอย่างหนักลองผิดลองถูกบางครั้งเราแก้ปัญหาไม่ได้ก็ท้อบางครั้งคนคาดหวังว่าเราต้องแก้ปัญหาให้ได้ดีกว่านี้ในโลกนี้คนวิจารณ์มีมากกว่าคนทำบางคนบอกเรื่องนี้ดูง่ายแต่คุณรู้ไหมพอเขามาทำจริงๆเราต้องPitch กี่ครั้งเปลี่ยนProposal กี่รอบกว่าจะเกิดแต่ละอันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยถ้าไม่ใช้ใจทำก็ไม่มีทางสำเร็จ”