Thursday, December 8, 2022
More

    ศิริภา อินทวิเชียร ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างสร้างสรรค์

    ศิริภา อินทวิเชียร คือคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมากับครอบครัวนักธุรกิจ แต่ชอบทำงานด้านพัฒนาสังคม เธออยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของสังคมในทิศทางที่ดี จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เธอหันมาสนใจด้านการเมือง เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคม โดยเฉพาะการศึกษา

    ศิริภา เข้ามาเป็นหนึ่งใน New Dem กลุ่มคนรุ่นใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเป็นตัวกลางขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างสร้างสรรค์ ออกจากกรอบความเชื่อเดิม รับฟังเสียงสะท้อนทุกความเห็นอย่างเข้าใจ และเสนอนโยบายที่คํานึงถึงความต้องการของคนรุ่นใหม่


    อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ตัดสินใจเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง?
    เราชอบเห็นการเปลี่ยนแปลงของสังคมไปในทิศทางที่ดีขึ้น เลยทำให้หันมาสนใจการเมือง อย่างตอนเด็กๆ เราเป็นคนติดพี่เลี้ยงมากและก็โชคดีที่มีโอกาสตามพี่เลี้ยงไปบ้านเขาในช่วงปิดเทอม ก็ไปเห็นความเป็นอยู่อีกแบบ ซึ่งจริงๆ แล้วเขาก็มีความสุขดีนะ เพียงแค่มีความลำบากกว่าคนทั่วไป คือคุณภาพชีวิตเขาไม่ได้ดีเท่าคนเมือง นอกจากนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็มักจะพาไปตามสถานที่เด็กด้อยโอกาส หรืออย่างตอนเรียนอยู่ก็มีโอกาสทำกิจกรรมพัฒนาสังคม เลยได้เห็นความเหลื่อมล้ำในสังคมมาตลอด แล้วเราก็ต้องการที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งที่จะสามารถช่วยได้ก็คือการศึกษา

    ความรักในงานด้านพัฒนาสังคมทำให้เข้ามาทำงานด้านการเมือง?
    เราทำงานด้านพัฒนาสังคมมาโดยตลอดตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นก็เริ่มทำงาน เริ่มจากการทำงานบริษัทไฟแนนซ์ที่อังกฤษ แล้วก็กลับมาช่วยธุรกิจของที่บ้าน พอทำไปช่วงหนึ่งก็รู้สึกว่ามันคงที่แล้ว เราก็รู้ว่ามันไม่ใช่อะไรที่เราชอบ ตลอดเวลาคืออยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในสังคม แล้วงานที่เคยทำเพื่อช่วยเหลือสังคมอิมแพ็คมันน้อย ซึ่งเรามองว่าการเมืองเป็นส่วนสำคัญและสามารถผลักดันในภาพใหญ่ได้จริง เลยหันมาสนใจการเมือง

    อย่างตัวเราเองเกิดที่ กทม. แต่เป็นคนนครศรีธรรมราช และเรียนหนังสือที่ภูเก็ต ซึ่งก็แน่นอนว่าภูเก็ตเจริญกว่านครฯ ค่อนข้างมาก ช่วงประถมได้เรียนโรงเรียนไทยที่นครฯ แล้วก็ไปเรียนต่อโรงเรียนอินเตอร์ฯ ที่ภูเก็ต จึงได้สัมผัสความเหลื่อมล้ำด้วยตัวเอง หรือในเรื่องของการรักษาทางการแพทย์ อย่างคุณแม่ คนใกล้ตัว เวลาจะหาหมอ เวลาป่วย เครื่องมือทางการแพทย์ที่นครฯ จะไม่พร้อม จะต้องบินมาที่ กทม. หรือเดินทาง 2 ชั่วโมงไปที่หาดใหญ่ที่มีเครื่องมือในการรักษาทางการแพทย์พร้อม คือไม่ได้หมายความว่าจะได้รับการรักษาที่ดีกว่านะ แต่หมายถึงความเป็นความตายของชีวิตคน เพราะบ่อยครั้งที่เราเห็นคนเสียชีวิตระหว่างการเดินทางไป แค่ระยะชั่วโมงสองชั่วโมงก็สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อชีวิตแล้ว

    มีประเด็นไหนที่อยากผลักดันหรือแก้ไขบ้าง?
    เรื่องความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะการศึกษา นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์คือทุกคนจะต้องได้รับการศึกษา โดยให้มีนโยบายการเรียนฟรี แต่มากไปกว่านั้นคือเรามองไปถึงคุณภาพการศึกษาที่จะได้รับ ทำไมเด็กที่เรียนเตรียมอุดมฯ มีโอกาสเข้าจุฬาฯ สูงกว่าเด็กที่เรียนในโรงเรียนต่างจังหวัด และทำไมเด็กในต่างจังหวัดที่มีโอกาสเรียน เขาแทบจะไม่เห็นตัวเองเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศ เขาไม่เคยจินตนาการ เขามองแค่ว่าไปเรียนต่อแค่ราชภัฏหรืออาชีวะ คือคุณภาพการศึกษาเป็นตัวสำคัญที่จะบ่งชี้อนาคตของเด็กคนนึงเลย เราก็เลยมองว่าการพัฒนาการศึกษาให้มีความเท่าเทียมกันไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน อันนี้ก็สำคัญ โรงเรียนมีอยู่แล้วและเด็กได้เรียนแน่นอน แต่ว่าในเรื่องของคุณภาพมันไม่เท่ากัน เราจะทำยังไงให้คุณภาพเท่าเทียมกัน

    สนามการเมืองไทยเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทมากแค่ไหน?
    จริงๆ เราไม่เคยมองตรงนี้เพราะเป็นคนที่ค่อนข้างมั่นใจในตัวเองมาตั้งแต่เด็ก แต่ทีนี้พอเข้ามาแล้ว ได้สัมผัสว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่ให้โอกาสผู้หญิงมากที่สุดในประเทศไทย เพราะถ้าเรามาดูในเรื่องของระเบียบข้อบังคับพรรค เขาก็จะมีนโยบายส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของสตรี ด้วยการกำหนดอัตราส่วนเพศชายและหญิงให้สัดส่วนในการดำรงตำแหน่งทางการเมืองเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นในระดับการเมืองท้องถิ่น ระดับเทศบาล อบต. สมาชิกสภาจังหวัด อย่างเช่น จะมีผู้หญิงในที่นั่งของการบริหารพรรคอย่างน้อย 10 คน แม้กระทั่งสาขาพรรค จากกรรมการ 6 คน จะต้องมี 3 คนเป็นผู้หญิง และในพรรคเองก็มี Women Swing เป็นกลุ่มของผู้สมัคร ส.ส.หญิง และในขณะเดียวกันพรรคก็พยายามผลักดันผู้หญิงในเวทีการเมืองอยู่ตลอดเวลา

    แสดงว่าระบบโควตานี้ช่วยให้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น?
    คือเราไม่เคยเชื่อในระบบโควตา แต่พอเข้ามาแล้วก็เห็นว่าโควตาก็ช่วยให้ผู้หญิงได้มีพื้นที่ในการเมืองจริงๆ โดยเฉพาะในเวทีการเมืองที่ผู้หญิงยังมีน้อย เรียกว่าเป็นตัวหนึ่งที่ช่วยให้จำนวนผู้หญิงเพิ่มมากขึ้นในเวทีการเมืองดีกว่า เพราะจริงๆ แล้วประชากรหญิงก็เยอะกว่าชายเสียด้วยซ้ำ

    นอกจากนี้ทางพรรคเองก็พยายามเพิ่มศักยภาพของ ส.ส.หญิง ผ่านโครงการอบรมพัฒนาศักยภาพผู้นำหญิงมาโดยตลอด เราอยู่กับพรรคมาประมาณ 4-5 ปีแล้ว พรรคก็จะมีเทรนนิ่ง เช่น เรื่องการพูด การวางตัว วิธีคิด แล้วก็ทักษะการเป็นผู้แทนด้วย พรรคก็จะมีการจัดอบรมมาตลอด

    คือโควตามันก็ช่วยส่วนหนึ่งนะ แต่ผู้หญิงที่เข้าไปทำงานทางการเมือง เขาก็ไม่อยากเข้าไปเพียงเพราะเขาได้โควตา ความภูมิใจมันจะน้อยลงหรือเปล่า เพราะว่าไม่ได้มาจากความสามารถเขาเอง ผู้หญิงที่เข้าไปอยู่ตรงนั้นได้ เขาจะต้องมีความสามารถเองด้วย บางทีผู้หญิงทำงานเก่งทำละเอียดกว่าผู้ชายเสียด้วยซ้ำ   นอกจากนโยบายส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของสตรี แล้วพรรคยังเพิ่มโอกาสในการแข่งขันในทุกสายอาชีพของผู้หญิงเพราะบางอาชีพยังจำกัดอยู่ว่าต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น อย่างการบินไทยมีข้อจำกัดว่านักบินต้องเป็นผู้ชาย คือไม่ได้เรียกว่าเป็นโควตา เรียกว่าเป็นการเปิดโอกาสมากกว่า เพราะเป็นการนำข้อจำกัดออกไป

    ในฐานะที่เป็นผู้หญิงจะมีวิธีรับมืออย่างไรกรณีถูกใส่ร้ายป้ายสี?
    ถ้าในพรรคประชาธิปัตย์เองไม่มีแน่นอน ตั้งแต่อยู่พรรคมา 4-5 ปี ไม่เคยมีเรื่องพวกนี้เลย เพราะว่าคนในพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ชายให้เกียรติผู้หญิงค่อนข้างเยอะ แล้วก็ไม่มีมุมมองแบบนั้นเกิดขึ้น ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยิน แล้วก็ไม่เคยเจอเองด้วย แต่ถ้าวันหนึ่งมีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในสนามการเมืองที่มีเป็นสภาฯ ก็อาจจะต้องเจอกับการต่อว่าจากพรรคการเมือง หรืออาจเป็นคนข้างนอกด้วยก็ได้ อย่างแรกเราต้องเชื่อในความคิดเราเองก่อน เพราะท้ายที่สุดแล้วคนที่รู้ดีที่สุดคือตัวเรา เราจะไปเถียงกับเขา มันก็เสียเวลาเปล่า แต่สิ่งที่เราทำได้คือเราต้องพิสูจน์ด้วยความสามารถว่าเรามาถึง   จุดนี้ได้ยังไง

    คิดว่า “ผู้หญิงไทยยุคใหม่ในสังคมประชาธิปไตย” ต้องเป็นยังไง?
    ต้องกล้า กล้าแสดงความเห็น กล้าที่จะเป็นตัวของเราเอง แล้วก็กล้าที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

    วทันยา วงษ์โอภาสี นางฟ้าลูกหนังกับก้าวแรกในสนามการเมืองไทย

    ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ คนรุ่นใหม่ที่มีสายเลือดนักการเมืองผู้มีบทบาทสำคัญในประเทศไทย
    พรรณิการ์ วานิช ก้าวสู่บทบาทใหม่ภายใต้อุดมการณ์เดิมผลักดันสังคมสู่ประชาธิปไตย
    ชนก จันทาทอง ทายาทนักการเมืองแดนอีสานมุ่งแก้ปัญหาเพื่อเกษตกรชาวไทย